การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

ข่าวกฏหมายและประกาศ Wednesday May 4, 2005 11:15 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

                                           4   พฤษภาคม  2548 
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร
ที่ ธปท.ฝสว.(21)ว. 798 /2548 เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
1. เหตุผลในการออกหนังสือเวียน
1.1 เพื่อให้การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นชอบในการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย
1.2 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและค่าธรรมเนียมในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ออกไปอีก 2 ปี โดยมี เงื่อนไขเพิ่มเติมและจำกัดเฉพาะหนี้บางประเภทเท่านั้นที่สถาบันการเงินจะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังกล่าว จึงออกหนังสือเวียนฉบับนี้เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเพิ่มเติม
2. อำนาจตามกฎหมาย
ธนาคารแห่งประเทศไทยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12(5) แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดตามความในหนังสือฉบับนี้
3. ขอบเขตการบังคับใช้
หนังสือฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร
4. เนื้อหา
4.1 การอนุญาตเป็นการทั่วไปให้ซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดอันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหนังสือฉบับนี้ ให้เฉพาะสำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ที่ถูกจัดชั้นเป็นสินทรัพย์จัดชั้นต่ำกว่ามาตรฐาน สงสัย สงสัยจะสูญ และสูญก่อนวันที่ 1 มกราคม 2548 ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง สินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2547 และให้รวมถึงลูกหนี้ที่ถูกจัดชั้นเป็นสินทรัพย์จัดชั้นสงสัยจะสูญที่กันสำรองครบ ร้อยละ 100 และตัดออกจากบัญชีแล้วแต่ยังไม่ได้บันทึกกลับเข้ามาในบัญชี
4.2 อนุญาตเป็นการทั่วไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขา
ธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัทลูกหนี้เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดซึ่งเป็นลูกหนี้ดังกล่าว ทั้งนี้ การอนุญาต ดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกรณีหุ้นของบริษัทอื่นที่ลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้นำมาตีชำระหนี้ หุ้นของผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ที่นำมาตีชำระหนี้ การถือหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเข้าถือหุ้นหรือฟื้นฟูบริษัทลูกหนี้ และหุ้นของบริษัทจำกัดที่ได้มาจากการใช้สิทธิซื้อหุ้นตามสัดส่วน ของหุ้นที่ได้รับจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือใช้ใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นที่ได้รับจาก การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วย
4.3 อนุญาตเป็นการทั่วไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขา
ธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัทจำกัดทั้งหมดมูลค่ารวมกันเกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ เฉพาะในกรณีหุ้นส่วนที่เกินนั้นเป็นหุ้นที่ได้มาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ การอนุญาตดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกรณีหุ้นของบริษัทอื่นที่ลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้นำมาตีชำระหนี้ หุ้นของผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ที่นำมาตีชำระหนี้ การถือหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเข้าถือหุ้นหรือฟื้นฟูบริษัทลูกหนี้และหุ้นของบริษัทจำกัดที่ได้มาจากการใช้สิทธิซื้อหุ้นตามสัดส่วนของหุ้นที่ได้รับจากการปรับปรุง โครงสร้างหนี้ หรือใช้ใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นที่ได้รับจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วย
4.4 กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคาร
ต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัทจำกัดทั้งหมดมูลค่า รวมกันเกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุน เนื่องจากการถือหุ้นในบริษัทจำกัดที่ได้มาจากการปรับปรุง โครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกรณีอื่นที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย หากธนาคารพาณิชย์ยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทจำกัดทั่วไป ซึ่งไม่ได้ถือหุ้นเนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกรณีอื่นที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย น้อยกว่าร้อยละ 20 ของเงินกองทุนให้ถือว่าธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ สามารถลงทุนเพิ่มได้จนกว่าสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทจำกัดทั่วไปจะเท่ากับร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจนั้น
4.5 ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ ที่มีหุ้นในบริษัทจำกัดเนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ต้องลดสัดส่วนการมีหุ้นดังกล่าวและการถือหุ้นในบริษัทจำกัดในกรณี อื่นๆ ทั้งหมด ยกเว้นการถือหุ้นที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ลงให้เหลือรวมกัน ไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น ๆ และไม่เกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจใน ทันทีที่สามารถทำได้ แต่ต้องไม่เกินระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 4.5.1 ถึง 4.5.2 เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากธนาคารแห่งประเทศไทย
4.5.1 หุ้นที่ได้รับโอนมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ต้องลดสัดส่วนลงให้เหลือไม่เกินอัตราส่วนที่กำหนดข้างต้น ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2551
4.5.2 หุ้นที่ได้รับโอนมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ต้องลดสัดส่วนลงให้เหลือไม่เกินอัตราส่วนที่กำหนดข้างต้น ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2552
4.6 การลดสัดส่วนการมีหุ้นในบริษัทจำกัดที่ได้มาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องไม่ก่อให้เกิดผลขาดทุนแก่ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจ เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
4.6.1 การจำหน่ายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ได้รับมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งจำหน่ายในราคาไม่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) หรือราคาปิด (Close Price) ของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อนวันที่ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจจำหน่ายหลักทรัพย์ดังกล่าว 1 วันทำการ
ทั้งนี้ ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศและสำนักงานวิเทศธนกิจจัดเตรียมเอกสารที่แสดงราคาที่จำหน่ายเพื่อการตรวจสอบของธนาคารแห่งประเทศไทยในภายหลัง
4.6.2 การจำหน่ายหุ้นของบริษัทจำกัดที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ได้รับมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเกิดผลขาดทุนจากการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวไม่เกินคราวละ 5 ล้านบาท หรือหากผลขาดทุนเกินกว่าจำนวนดังกล่าว ต้องจำหน่ายในราคาที่ผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงินได้รับรองความเหมาะสมของราคาที่จำหน่ายหุ้น
ในกรณีที่ผู้สอบบัญชีไม่มีความเชี่ยวชาญในการรับรองความเหมาะสมของราคาดังกล่าว ผู้สอบบัญชีสามารถหาผู้เชี่ยวชาญมารับรองความเหมาะสมของราคาดังกล่าว โดยให้ถือว่าเป็นราคาที่รับรองโดยผู้สอบบัญชี
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะใช้ความสมเหตุสมผลของราคาที่รับรองทั้งในกรณีที่ผู้สอบบัญชีรับรองเองและกรณีที่ผู้สอบบัญชีหาผู้เชี่ยวชาญมารับรอง ประกอบการพิจารณาอนุญาตให้เป็นผู้สอบบัญชีของสถาบันการเงินด้วย
ทั้งนี้ ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจแจ้งการขายดังกล่าวภายใน 7 วัน นับจากวันที่เกิดรายการ โดยส่งหลักฐานการรับรองราคาของผู้สอบบัญชีมาด้วย
4.6.3 กรณีอื่นที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย
อนึ่ง การคำนวณว่าการจำหน่ายหุ้นก่อให้เกิดผลขาดทุนหรือไม่นั้น ให้เปรียบเทียบราคาที่จำหน่ายกับราคาที่บันทึกบัญชี ณ วันที่ได้รับหุ้น
4.7 ให้ธนาคารพาณิชย์ สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจรายงานการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทจำกัดอันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ในรูปแบบของตาราง FI Investment Position เป็นรายเดือน
5. วันเริ่มต้นบังคับใช้
หนังสือฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
ขอแสดงความนับถือ
(ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล)
ผู้ว่าการ
ฝ่ายนโยบายความเสี่ยงและวิเคราะห์
โทร. 0-2283-5304, 0-2283-5303
หมายเหตุ [
] ธนาคารจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่.....เวลา....................
[X
] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง
ฝสวว10-คส22402-25480506ด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ