ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การประมูลตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
____________________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวง การคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2544 กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ของตราสารที่ออกภายใต้พระราชกำหนดข้างต้น โดยตั๋วสัญญาใช้เงินนี้เป็นตราสารหนี้ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับตั๋วเงินคลัง สำหรับการจำหน่ายให้เป็นไปตามวงเงินและรายละเอียดในตารางกำหนดการประมูลตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งเป็นไปตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท. นว.(ว) 1086/2538 เรื่อง มาตรฐานเสนอซื้อขายและคำนวณราคาสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดรอง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแทนกระทรวงการคลังตามข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. กระทรวงการคลังจะออกจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยวิธีการประมูลให้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต และสถาบันอื่นๆ ที่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ 2. ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามข้อ 1. จะออกโดยมีดอกเบี้ยเป็นส่วนลด และใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อครบกำหนดอายุนับแต่วันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ข้อ 3. ผู้ประสงค์จะประมูลตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ต้องยื่น ใบประมูลและฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตามแบบที่แนบภายในเวลา 9.30 น. ของวันที่ประมูล โดยระบุราคาตรารวมที่เสนอซื้อและต้องเสนอว่า จะซื้อในอัตราผลตอบแทนร้อยละเท่าใด ไม่เกิน 3 อัตรา (ทศนิยมไม่เกิน 4 ตำแหน่ง) และในการเสนอประมูลแต่ละอัตราต้องระบุราคาตราที่ขอซื้อไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และไม่มีเศษของหลักล้าน
ข้อ 4. กระทรวงการคลังจะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ให้ผู้ประมูลที่เสนออัตราผลตอบแทนต่อร้อยต่ำสุดก่อน แล้วจึงจัดสรรให้ผู้ประมูลที่เสนออัตรา ผลตอบแทนต่อร้อยสูงขึ้นไปตามลำดับจนกว่าจะครบวงเงินที่กำหนด
ข้อ 5. กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ ดังนี้
5.1 ปรับวงเงินประมูลตามกำหนดการดังกล่าว ทั้งนี้ วงเงินรวมของ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่จะประมูลทุกงวดรวมกัน ต้องไม่เกิน 10,400 ล้านบาท
5.2 กระทรวงการคลังจะไม่รับใบประมูลของผู้ประมูลรายใดก็ได้และ จะจัดสรรตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ผู้ประมูลรายใดเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ ตามแต่จะเห็นสมควร
ข้อ 6. ผู้ประมูลตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ได้จะต้องชำระราคาภายในเวลา 10.00 น. ของวันทำการที่สองถัดจากวันที่ประมูล โดยยินยอมให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือโอนเงินผ่านระบบบาทเนตเข้าบัญชีกระแสรายวัน งานจัดการตราสารหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ 7. ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้เก็บรักษาตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อ ปรับโครงสร้างหนี้ไว้ และจะออกหนังสือรับฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้
ข้อ 8. การโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จะต้องไปยื่นขอจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์หรือการจำนำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการแล้วจะเก็บรักษาตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ไว้และออกหนังสือรับฝากให้
ข้อ 9. ถ้าผู้ฝากซึ่งหมายถึงเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้รับจำนำมีความประสงค์จะขอถอนคืนการฝากตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยระบุชื่อผู้ขอถอนคืนเป็นผู้รับเงิน
ข้อ 10. กรณีที่มีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้นี้มิให้ถือว่า ฉบับใดสมบูรณ์ เว้นแต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่งตั้งขึ้นโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ฉบับนั้นแล้ว
ประกาศ ณ วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2544
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
(นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง