การรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ข่าวกฏหมายและประกาศ Friday April 7, 2000 12:10 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

                                                                7 เมษายน 2543
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคารบริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทุกบริษัท
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม
ที่ ธปท.สกง.(12)ว. 791/2543 เรื่อง การรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ด้วยธนาคารได้ปรับปรุงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจให้กว้างขวางและเหมาะสมกับภาวะการณ์ในปัจจุบันยิ่งขึ้น จึงได้ยกเลิกระเบียบการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม และให้ใช้ระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 แทน
จึงขอส่งระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 และประกาศที่เกี่ยวข้อง มาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
จัตุมงคล โสณกุล
(ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล)
ผู้ว่าการ
สิ่งที่ส่งมาด้วย : 1. ระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543
2. ประเภทวิสาหกิจที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดให้ความอนุเคราะห์ตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับ ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543
3. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ลงวันที่ 7 เมษายน 2543
4. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง อัตราร้อยละในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ลงวันที่ 7 เมษายน 2543
ส่วนสินเชื่อฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรองโทร. 2835426, 2835429-30
หมายเหตุ : ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง
รับรองสำเนาถูกต้อง
(นายเมธา ปลาทอง)
ระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
พ.ศ.2543
_______________________________________
เพื่อเป็นการส่งเสริมการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้กว้างขวางและ เหมาะสมยิ่งขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้ความอนุเคราะห์ทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านสถาบันการเงิน โดยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้ยกเลิก
ระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ.2531
ระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2534
ระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2539
ระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2541
ระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2542
หนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.นช.(ว) 72/2542 เรื่อง การรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดกลาง ลงวันที่ 12
มกราคม 2542
ข้อ 2. ในระเบียบนี้
“วิสาหกิจ” หมายความว่า กิจการการผลิต กิจการให้บริการ กิจการค้าส่งและกิจการค้าปลีก ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ทั้งนี้ กิจการดังกล่าวให้หมายความรวมถึงกิจการรับจ้างทำของด้วย
“วิสาหกิจขนาดกลาง” หมายความว่า วิสาหกิจประเภทดังต่อไปนี้
กิจการการผลิตที่มีสินทรัพย์ถาวรรวมค่าที่ดินเกิน 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 200 ล้านบาท
(2) กิจการให้บริการที่มีสินทรัพย์ถาวรรวมค่าที่ดินเกิน 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 200 ล้านบาท
(3) กิจการค้าส่งที่มีสินทรัพย์ถาวรรวมค่าที่ดินเกิน 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท
(4) กิจการค้าปลีกที่มีสินทรัพย์ถาวรรวมค่าที่ดินเกิน 30 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 60 ล้านบาท
“วิสาหกิจขนาดย่อม” หมายความว่า วิสาหกิจประเภทดังต่อไปนี้
กิจการการผลิตที่มีสินทรัพย์ถาวรรวมค่าที่ดินไม่เกิน 50 ล้านบาท กิจการให้บริการที่มีสินทรัพย์ถาวรรวมค่าที่ดินไม่เกิน 50 ล้านบาท กิจการค้าส่งที่มีสินทรัพย์ถาวรรวมค่าที่ดินไม่เกิน 50 ล้านบาท กิจการค้าปลีกที่มีสินทรัพย์ถาวรรวมค่าที่ดินไม่เกิน 30 ล้านบาท “สถาบันการเงิน” หมายความว่า ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุนและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม ขนาดย่อม
ข้อ 3. ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยผู้ประกอบ
วิสาหกิจขนาดกลางหรือขนาดย่อม ตามระเบียบนี้จากสถาบันการเงิน โดยตั๋วสัญญาใช้เงินต้องเป็นไปตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินตามแบบที่แนบ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางหรือ ขนาดย่อมอันสุจริต
เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางหรือขนาด ย่อมที่สถาบันการเงินรับรองว่าเป็นผู้ที่พึงเชื่อถือได้และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นสมควรให้ความอนุเคราะห์
เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกเป็นเงินบาท แต่ละฉบับมีจำนวนเงินไม่ ต่ำกว่า 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาท) และต้องไม่มีเศษของหลักร้อย
เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถึงกำหนดใช้เงินไม่เกินกำหนดเวลานับแต่วันที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยรับซื้อในแต่ละกรณี ดังนี้
กรณีกิจการการผลิต ไม่เกิน 120 วัน กรณีกิจการให้บริการ ไม่เกิน 60 วัน กรณีกิจการค้าส่ง ไม่เกิน 60 วัน กรณีกิจการค้าปลีก ไม่เกิน 60 วัน เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกภายใน 4 เดือนนับแต่วันที่ผู้ประกอบ วิสาหกิจได้จ่ายเงินไปในการดำเนินกิจการ
จำนวนเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินต้องไม่เกินจำนวนเงินที่สถาบันการเงิน ให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจเพื่อการประกอบวิสาหกิจ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ผู้ประกอบ
วิสาหกิจจ่ายจริงเพื่อการดังกล่าว
เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินรับซื้อและชำระเงินแล้วเต็มตาม จำนวนเงินในตั๋วสัญญาใช้เงิน
เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินอัตราดอกเบี้ยที่ กำหนดในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญา
ใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีผลใช้บังคับอยู่ในวันที่ธนาคาร
แห่งประเทศไทยรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน
เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินได้สลักหลังเฉพาะโอนให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อ 4. ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินตามข้อ 3. ในอัตราร้อยละ
ของจำนวนเงินในตั๋วสัญญาใช้เงินตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องอัตราร้อยละในการรับซื้อ
ตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีผลใช้บังคับอยู่ในวันที่
รับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน
ในวันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินหรือวันที่มีการขอชำระหนี้หรือวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเรียกให้ชำระหนี้ก่อนกำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทยจะหักเงินจากบัญชีเงินฝาก
ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ตามจำนวนหนี้ที่ถึงกำหนดใช้เงินหรือจำนวนหนี้ที่ขอ
ชำระหรือจำนวนหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเรียกให้ชำระก่อนกำหนด แล้วแต่กรณี รวมดอกเบี้ย
และเบี้ยปรับ (ถ้ามี) ตามอัตราที่กำหนดในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีผล
ใช้บังคับอยู่ในวันที่รับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน
ในกรณีที่วันถึงกำหนดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินตรงกับวันหยุดทำการ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ (ถ้ามี) สำหรับวันหยุดดังกล่าวด้วย
ข้อ 5. ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยผู้ประกอบ
วิสาหกิจแต่ละรายตามระเบียบนี้ ภายในวงเงินในแต่ละกรณีดังนี้
(1) วิสาหกิจขนาดกลาง
กิจการการผลิต วงเงินไม่เกิน 60 ล้านบาท กิจการให้บริการ วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท กิจการค้าส่ง วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท กิจการค้าปลีก วงเงินไม่เกิน 6 ล้านบาท วิสาหกิจขนาดย่อม กิจการการผลิต วงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท กิจการให้บริการ วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท กิจการค้าส่ง วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท กิจการค้าปลีก วงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท ข้อ 6. ธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้ความอนุเคราะห์แก่ผู้ประกอบวิสาหกิจแต่ละรายตามระเบียบนี้เป็นระยะเวลาตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาเห็นสมควรแต่ไม่เกิน 5 ปี
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจพิจารณาขยายระยะเวลาให้ความอนุเคราะห์อีกหากเห็นสมควร
ข้อ 7. สถาบันการเงินที่จะขายตั๋วสัญญาใช้เงินต้องปฏิบัติและยินยอมรับพันธะหน้าที่ดังต่อไปนี้
เรียกเก็บดอกเบี้ยสำหรับจำนวนเงินในตั๋วสัญญาใช้เงินไม่เกินอัตราที่ กำหนดในตั๋วสัญญาใช้เงิน และเรียกเก็บในวันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินหรือวันที่มีการชำระหนี้ โดยไม่มีการเรียกหรือรับผลประโยชน์อื่นใดเพิ่ม
ทำหนังสือแสดงความยินยอมตามแบบที่แนบ ให้ธนาคารแห่ง ประเทศไทยหักเงินจากบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อชำระหนี้อันเกิดขึ้นเนื่องจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความอนุเคราะห์ตามระเบียบนี้ และในกรณีที่เงินในบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินไม่มีหรือมีไม่พอหักชำระหนี้ดังกล่าว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจำหน่ายทรัพย์สินอย่างอื่นของสถาบันการเงินที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และดำเนินการอื่นใดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นสมควรเพื่อให้ได้เงินมาชำระหนี้ ตลอดจน ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับการขายตั๋วสัญญาใช้เงินตามระเบียบนี้ ณ สำนักงานของสถาบันการเงิน รวมทั้ง ดำเนินการให้ผู้ประกอบวิสาหกิจยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขายตั๋วสัญญาใช้เงินตามระเบียบนี้ ณ สำนักงาน ของผู้ประกอบวิสาหกิจได้ด้วยดำรงเงินฝากไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้มีจำนวนเพียงพอที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะหักชำระหนี้ได้ยื่นหนังสือขออนุมัติให้ผู้ประกอบวิสาหกิจเป็นผู้ที่พึงเชื่อถือได้ตาม แบบที่แนบ ตรวจสอบและรับรองว่า ก. ตั๋วสัญญาใช้เงินที่นำมาขายนั้น เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถูกต้องตรง ตามข้อ 3. ทุกประการ
ข. จำนวนเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินนำมาขายเมื่อรวมกับ
จำนวนเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยผู้ประกอบวิสาหกิจรายเดียวกัน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับซื้อไว้จากสถาบันการเงินและยังไม่ถึงกำหนดใช้เงินไม่เกินวงเงินในแต่ละกรณีตามที่กำหนดในข้อ 5. หรือวงเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งให้สถาบันการเงินทราบตามข้อ 11.
เมื่อสถาบันการเงินได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนวันที่ตั๋ว สัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงิน สถาบันการเงินต้องชำระหนี้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตามสัดส่วน ที่ได้รับชำระ โดยต้องทำหนังสือขอชำระหนี้ตามแบบที่แนบ ยื่นต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่สถาบันการเงินได้รับชำระหนี้ดังกล่าว
ข้อ 8. เมื่อสถาบันการเงินฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่งแห่งระเบียบนี้
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บเบี้ยปรับจากสถาบันการเงินในอัตราเบี้ยปรับที่กำหนดในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีผลใช้บังคับอยู่ในวันที่รับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน ตามจำนวนเงินในตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติและตามระยะเวลาที่เริ่มนับตั้งแต่วันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจนถึงวันที่มีการชำระหนี้ หรือตามระยะเวลาที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี ถ้าสาเหตุที่สถาบันการเงินต้องเสียเบี้ยปรับเกิดขึ้นเพราะความผิดของผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน สถาบันการเงินจะไล่เบี้ยจากผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินได้ไม่เกินจำนวนเงินเบี้ยปรับที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยเรียกเก็บจากสถาบันการเงิน และถ้าธนาคารแห่งประเทศไทยคืนเบี้ยปรับ ให้แก่สถาบันการเงินเป็นจำนวนเงินเท่าใด สถาบันการเงินต้องคืนเบี้ยปรับตามจำนวนเงินดังกล่าวให้แก่ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ข้อ 9. ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจพิจารณางด ลด หรือคืนเบี้ยปรับสำหรับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ ตามที่เห็นสมควรก็ได้
ข้อ 10. เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับชำระหนี้จากสถาบันการเงินแล้ว หากปรากฎในภายหลังว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่งแห่งระเบียบนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยสงวนสิทธิที่จะเรียกเก็บเบี้ยปรับสำหรับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติดังกล่าว
ข้อ 11. ธนาคารแห่งประเทศไทยสงวนสิทธิที่จะไม่รับซื้อ หรือลดวงเงินที่จะรับซื้อ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ยกเลิกวงเงินหรือกำหนดวงเงินที่จะให้ความอนุเคราะห์แก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ แต่ละรายใหม่ ลดอัตราของจำนวนเงินที่จะออกตั๋วสัญญาใช้เงินหรือเรียกให้ชำระหนี้ก่อนวันถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าสถาบันการเงินที่ขายตั๋วสัญญาใช้เงินปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันการเงินนั้น ๆ
(2) เมื่อมีการจำหน่ายทรัพย์สินของสถาบันการเงินตามข้อ 7.(2)
(3) เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบ วิสาหกิจที่ขายตั๋วสัญญาใช้เงินฝ่าฝืนหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบนี้ หรือมีพฤติการณ์ในทำนองไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของระเบียบนี้
(4) มีเหตุไม่สมควรประการอื่น
ข้อ 12. ให้ถือว่าผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับ อนุมัติเป็นผู้ที่พึงเชื่อถือได้ตามหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.นช.(ว) 72/2542 ลงวันที่12 มกราคม 2542 และระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ.2531 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นผู้ที่พึงเชื่อถือได้ต่อไปตามระเบียบนี้ เว้นแต่สถาบันการเงินจะแจ้งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ข้อ 13. ให้ระเบียบและหนังสือเวียนตามข้อ 1. ยังคงมีผลบังคับต่อไปจนกว่าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ขายไว้ตามระเบียบและหนังสือเวียนดังกล่าวจะถึงกำหนดชำระโดยสิ้นเชิง
ข้อ 14. สำหรับผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมที่ได้รับความอนุเคราะห์ตามระเบียบ ธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรม พ.ศ.2531 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หากสถาบันการเงินประสงค์จะขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความอนุเคราะห์ตามระเบียบนี้ ต้องดำเนินการให้มีการขอยกเลิกการขอรับความอนุเคราะห์ตามระเบียบดังกล่าวก่อน ให้ใช้ระเบียบนี้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2543 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 7 เมษายน 2543
(ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
รับรองสำเนาถูกต้อง
(นายเมธา ปลาทอง)
-ยก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ