ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ สนส. 17/2560
เรื่อง รายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ
1. เหตุผลในการออกประกาศ
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าด้วยแนวทางการระบุและการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ นั้น
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการพิจารณาตามแนวทางการระบุธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับดังกล่าวแล้วและเห็นสมควรกำหนดให้ ธนาคารพาณิชย์ที่มีรายชื่อตามประกาศฉบับนี้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ
2. อำนาจตามกฎหมาย
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔.๓.๑ (๔) ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยแนวทางการระบุและการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจมาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 32 และมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดรายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบ ในประเทศตามประกาศฉบับนี้
3. ขอบเขตการบังคับใช้
ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินทุกแห่ง
4. เนื้อหา
4.1 รายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ
ธนาคารพาณิชย์ที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศประจำปี ๒๕๖๐
1. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
2. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
3. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
4. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
5. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศให้ทราบต่อไป
4.2 การปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ
ให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ ปฏิบัติตามมาตรการกำกับดูแลด้านเงินกองทุนตามข้อ ๔.๓.๒ (๑) และมาตรการกำกับดูแลอื่นตามข้อ ๔.๓.๒ (๒) ของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยแนวทางการระบุและการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ
5. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
วิรไท สันติประภพ
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔, ตอนพิเศษ ๒๓๕ ง, หน้า ๓๘-๓๙, ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐