ประกาศ ณ วันที่ 16 เมษายน 2561 วันที่ลงในราชกิจจานุเบกษา 17 เมษายน 2561 วันที่มีผลบังคับใช้ 16 เมษายน 2561 วันที่สิ้นสุดผลบังคับใช้ - สถาบันผู้เกี่ยวข้อง
1.ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ
2.ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ
3.ผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มิใช่ สง.
4.สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลระบบการชำระเงินให้มีความมั่นคงปลอดภัย มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน รวมถึงดูแลให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ตลอดจนให้มีการคุ้มครองผู้ใช้บริการอย่างเหมาะสม
1) ประเภทนิติบุคคลที่สามารถยื่นขออนุญาต ประกอบด้วยบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รัฐวิสาหกิจ และนิติบุคคลต่างประเทศ (เฉพาะการประกอบธุรกิจระบบเครือข่ายบัตร) โดยต้องมีฐานะทางการเงินมั่นคง ไม่เคยถูกสั่งระงับหรือเพิกถอนการประกอบธุรกิจ และไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น
2) กรรมการหรือผู้ซึ่งมีอำนาจในการจัดการ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่ พ.ร.บ. ระบบการชำระเงินกำหนด รวมทั้งต้องมีกรรมการที่มีสัญชาติไทยและมีภูมิลำเนาอยู่ในไทยอย่างน้อย 1 คน
3) ทุนจดทะเบียนซึ่งชำระแล้วตามที่กำหนด ได้แก่
3.1) ระบบโอนเงินรายย่อยระหว่างผู้ใช้บริการของระบบ 50 ล้านบาท
3.2) ระบบเครือข่ายบัตร 50 ล้านบาท
3.3) ระบบการชำระดุล 200 ล้านบาท
4) หลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้ใบอนุญาต เช่น มีฐานะทางการเงินมั่นคง มีแผนการประกอบธุรกิจ มีนโยบายและการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางระบบสารสนเทศที่เหมาะสม กรรมการหรือผู้ซึ่งมีอำนาจในการจัดการมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย