4 กุมภาพันธ์ 2548
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศทุกธนาคาร
สาขาธนาคารต่างประเทศทุกธนาคาร
บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ทุกบริษัท
สถาบันการเงินพิเศษของรัฐ
ที่ ธปท.สกส. (03) ว. 227/2548 เรื่อง แนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดทำคู่มือตรวจสอบความเสี่ยงสถาบันการเงิน และได้จัดส่งให้สถาบันการเงินเพื่อใช้ประกอบการบริหารและการดำเนินงานแล้ว นั้น
บัดนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดทำแนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงซึ่งเป็นส่วนขยายเพิ่มเติมจากคู่มือตรวจสอบความเสี่ยงสถาบันการเงินที่ได้มีการเผยแพร่และนำส่งให้ทุกสถาบันการเงิน ตามหนังสือเวียนที่ ธปท.สกส.(03) ว.874/2547 และ ธปท.สกส.(03) ว.875/2547
ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2547 ได้แก่
1. การจัดระดับความเสี่ยงด้านเครดิต (Internal Rating System)
2. การบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของพอร์ตสินเชื่อ (Loan Portfolio Management)
3. การพัฒนาและนำ Credit Scoring มาใช้บริหารสินเชื่อรายย่อย
4. การทดสอบแบบจำลองความเสี่ยง (Risk Model Validation)
5. การทดสอบภาวะวิกฤตความเสี่ยงด้านเครดิตและตลาด (Credit and Market Risk Stress Testing)
เพื่อเป็นแนวทางให้สถาบันการเงินใช้ในการบริหารความเสี่ยงและพัฒนาเครื่องมือหรือระบบบริหารความเสี่ยงให้รองรับการพัฒนากระบวนการกำกับตรวจสอบสถาบันการเงิน ตามแนวทางและมาตรฐานสากล ตามที่ได้จัดประชุมชี้แจงให้สถาบันการเงินได้ทราบแนวทางดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน 2547 แล้ว
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอนำส่งแนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง ทั้ง 5 เรื่องดังกล่าว มาเพื่อใช้ประกอบการบริหารความเสี่ยงและการดำเนินงานของสถาบันการเงิน ต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการแทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย : แนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง 5 เรื่อง
ฝ่ายตรวจสอบความเสี่ยงและเทคโนโลยีสารสนเทศ
โทร. 0-2283-5975
บทนำ
แนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง
ฝ่ายตรวจสอบความเสี่ยงและเทคโนโลยีสารสนเทศ มกราคม 2548
สายกำกับสถาบันการเงิน
บทนำ 1
บทนำ
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เผยแพร่คู่มือการตรวจสอบความเสี่ยงสถาบันการเงินเมื่อต้นปี 2547 เพื่อให้ผู้ตรวจสอบใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ ด้านเครดิต ด้านตลาด ด้านสภาพคล่อง ด้านปฏิบัติการ และด้านอื่น ๆ ที่มีนัยสำคัญ เพื่อให้ มั่นใจว่าสถาบันการเงิน (สง.) มีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ใช้ในการระบุ วัด ติดตามและควบคุมความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างเพียงพอและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับลักษณะ ปริมาณ ความซับซ้อนของธุรกรรมที่สถาบันการเงินมีอยู่ รวมทั้งสภาพแวดล้อมทั้งภายใน เช่น โครงสร้างองค์กรการบริหารงาน ระบบงานด้านต่าง ๆ และปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การที่จะบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ สถาบันการเงินจะต้องมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี โดยจะต้องสามารถวัดหรือประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้องแม่นยำเพื่อนำผลที่ได้จากการวัดนั้นมาใช้ติดตามและควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม รวมถึงจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อรายได้และฐานะเงินกองทุนของสถาบันการเงิน รวมทั้งผลกระทบจากภาวะวิกฤตต่าง ๆ เพื่อที่จะได้เตรียมการรองรับ แก้ไขหรือป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที
การที่จะสามารถวัดและบริหารความเสี่ยงได้ถูกต้องแม่นยำเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของระบบหรือเครื่องมือที่สถาบันการเงินใช้อยู่ และการที่จะมีระบบงานหรือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสถาบันการเงินต้องมีทรัพยากรอย่างเพียงพอไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรบุคคล เครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบงานที่ใช้อยู่ สายกำกับสถาบันการเงินในฐานะผู้กำกับดูแลได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของระบบและเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยในการบริหารความเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น จึงได้จัดทำแนวทาง ที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงิน โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ ดังนี้
1 เพื่อให้ผู้ตรวจสอบใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบและประเมินระบบการบริหาร ความเสี่ยงของสถาบันการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าสถาบันการเงินมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ใช้ ในการระบุ วัด ติดตาม และควบคุมความเสี่ยงต่างๆ อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ หน้าที่ และ ความรับผิดชอบในการจัดให้มีระบบการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมกับปริมาณ ความซับซ้อน และประเภทของธุรกรรมของสถาบันการเงิน เป็นของคณะกรรมการและผู้บริหารของสถาบัน การเงิน
บทนำ 2
2 เพื่อให้สถาบันการเงินใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และปรับปรุงระบบหรือเครื่องมือ ในการบริหารความเสี่ยงที่กำลังพัฒนาหรือใช้อยู่แล้ว รวมถึงเพื่อกระตุ้นให้มีการพัฒนาเครื่องมือหรือระบบที่ช่วยในการบริหารความเสี่ยง และเพื่อเป็นพื้นฐานให้สถาบันการเงินเตรียมการในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในการพัฒนาแบบจำลองความเสี่ยงในอนาคตต่อไป โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับลูกหนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมของสถาบันการเงินเพื่อที่จะดำเนินการตามที่ Basel II -- Pillar II กำหนดไว้ ซึ่งเน้นการกำกับดูแลโดยให้สถาบันการเงินมีการพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงที่ดีและดำรงเงินกองทุนรองรับความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ได้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่มีอยู่ซึ่งระบบและเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่ดีจะช่วยให้สามารถประเมิน วัด ติดตามและ ควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม นอกจากนั้น จะช่วยให้สถาบันการเงินมีข้อมูลที่จะช่วย ในการบริหารพอร์ตของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจรวมทั้งเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขัน
ในเบื้องต้นนี้ได้จัดทำแนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง 5 เรื่อง ซึ่งในแต่ละเรื่องมีวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการจัดระดับความเสี่ยงด้านเครดิต (Internal Rating System) มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ให้สถาบันการเงินใช้เป็นแนวทางในการกำหนดการจัดระดับความเสี่ยงด้านเครดิต เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ และใช้ติดตามสถานะและคุณภาพของสินเชื่อในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะการติดตามสินเชื่อที่มีปัญหาใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนา credit risk model และ credit portfolio model ต่อไปใช้ในการบริหารพอร์ตสินเชื่อ รวมถึงการพิจารณาถึงการกระจุกตัวของสินเชื่อในแต่ละระดับความเสี่ยงเพื่อสถาบันการเงินสามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมและใช้ประกอบการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยง ที่มี
เป็นปัจจัยที่ใช้ประกอบในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย การวิเคราะห์ความสามารถในหารายได้ และวิเคราะห์ความเพียงพอของเงินสำรองที่พึงกัน
บทนำ 3
2. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของพอร์ตสินเชื่อ (Loan Portfolio Management) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินมีการกำหนดนโยบาย กลยุทธ์ ระบบและกระบวนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรวมถึงกระบวนการในการจัดการสินเชื่อที่เหมาะสมและรัดกุมให้สถาบันการเงินมีระบบการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของพอร์ตสินเชื่อที่เหมาะสม รัดกุม เพื่อสถาบันการเงินสามารถประเมิน วัดและติดตาม ความเสี่ยงที่มีอยู่ได้เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถดำเนินการแก้ไขสินเชื่อที่มีสัญญาณว่าจะมีปัญหาในการชำระหนี้คืนหรือก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแก่สถาบันการเงิน ได้ทันท่วงทีช่วยให้สถาบันการเงินสามารถกันสำรองและ/หรือดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงได้อย่างเพียงพอ
3. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการพัฒนาและนำ Credit Scoring มาใช้ในการบริหารสินเชื่อรายย่อย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการบริหารสินเชื่อรายย่อยและสามารถใช้กำหนดกลยุทธ์ในการตลาดและใช้บริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อให้แน่ใจได้ว่าค่าความเสี่ยงของพอร์ตที่ใช้ระบบ Credit Scoring ในการวัดนั้นเชื่อถือได้และสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการบริหารตาม
แนว risk-based ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการทดสอบแบบจำลองความเสี่ยง (Risk Model Validation) มีวัตถุประสงค์เพื่อ ให้สถาบันการเงินใช้ในการวางแผนพัฒนาและทดสอบความเชื่อถือได้ของแบบจำลองความเสี่ยงที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ทราบถึงข้อจำกัดของแบบจำลองความเสี่ยงที่ใช้ และตระหนักถึงการใช้ที่สอดคล้องกับแนวทางสากล
บทนำ 4
เพื่อให้มั่นใจได้ว่าค่าความเสี่ยงของพอร์ตต่าง ๆ ของสถาบันการเงินที่ได้จากแบบจำลองต่าง ๆ มีความเชื่อถือได้ และสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการทดสอบภาวะวิกฤตความเสี่ยงด้านเครดิตและตลาด(Credit and Market Risk Stress Testing) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับภาวะวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อชดเชยข้อจำกัดของประสิทธิภาพและประสิทธิผลของเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศทุกธนาคาร
สาขาธนาคารต่างประเทศทุกธนาคาร
บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ทุกบริษัท
สถาบันการเงินพิเศษของรัฐ
ที่ ธปท.สกส. (03) ว. 227/2548 เรื่อง แนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดทำคู่มือตรวจสอบความเสี่ยงสถาบันการเงิน และได้จัดส่งให้สถาบันการเงินเพื่อใช้ประกอบการบริหารและการดำเนินงานแล้ว นั้น
บัดนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดทำแนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงซึ่งเป็นส่วนขยายเพิ่มเติมจากคู่มือตรวจสอบความเสี่ยงสถาบันการเงินที่ได้มีการเผยแพร่และนำส่งให้ทุกสถาบันการเงิน ตามหนังสือเวียนที่ ธปท.สกส.(03) ว.874/2547 และ ธปท.สกส.(03) ว.875/2547
ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2547 ได้แก่
1. การจัดระดับความเสี่ยงด้านเครดิต (Internal Rating System)
2. การบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของพอร์ตสินเชื่อ (Loan Portfolio Management)
3. การพัฒนาและนำ Credit Scoring มาใช้บริหารสินเชื่อรายย่อย
4. การทดสอบแบบจำลองความเสี่ยง (Risk Model Validation)
5. การทดสอบภาวะวิกฤตความเสี่ยงด้านเครดิตและตลาด (Credit and Market Risk Stress Testing)
เพื่อเป็นแนวทางให้สถาบันการเงินใช้ในการบริหารความเสี่ยงและพัฒนาเครื่องมือหรือระบบบริหารความเสี่ยงให้รองรับการพัฒนากระบวนการกำกับตรวจสอบสถาบันการเงิน ตามแนวทางและมาตรฐานสากล ตามที่ได้จัดประชุมชี้แจงให้สถาบันการเงินได้ทราบแนวทางดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน 2547 แล้ว
ธนาคารแห่งประเทศไทยขอนำส่งแนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง ทั้ง 5 เรื่องดังกล่าว มาเพื่อใช้ประกอบการบริหารความเสี่ยงและการดำเนินงานของสถาบันการเงิน ต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการแทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย : แนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง 5 เรื่อง
ฝ่ายตรวจสอบความเสี่ยงและเทคโนโลยีสารสนเทศ
โทร. 0-2283-5975
บทนำ
แนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง
ฝ่ายตรวจสอบความเสี่ยงและเทคโนโลยีสารสนเทศ มกราคม 2548
สายกำกับสถาบันการเงิน
บทนำ 1
บทนำ
ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เผยแพร่คู่มือการตรวจสอบความเสี่ยงสถาบันการเงินเมื่อต้นปี 2547 เพื่อให้ผู้ตรวจสอบใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ ด้านเครดิต ด้านตลาด ด้านสภาพคล่อง ด้านปฏิบัติการ และด้านอื่น ๆ ที่มีนัยสำคัญ เพื่อให้ มั่นใจว่าสถาบันการเงิน (สง.) มีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ใช้ในการระบุ วัด ติดตามและควบคุมความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างเพียงพอและเหมาะสม โดยสอดคล้องกับลักษณะ ปริมาณ ความซับซ้อนของธุรกรรมที่สถาบันการเงินมีอยู่ รวมทั้งสภาพแวดล้อมทั้งภายใน เช่น โครงสร้างองค์กรการบริหารงาน ระบบงานด้านต่าง ๆ และปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การที่จะบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ สถาบันการเงินจะต้องมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี โดยจะต้องสามารถวัดหรือประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้องแม่นยำเพื่อนำผลที่ได้จากการวัดนั้นมาใช้ติดตามและควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม รวมถึงจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อรายได้และฐานะเงินกองทุนของสถาบันการเงิน รวมทั้งผลกระทบจากภาวะวิกฤตต่าง ๆ เพื่อที่จะได้เตรียมการรองรับ แก้ไขหรือป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที
การที่จะสามารถวัดและบริหารความเสี่ยงได้ถูกต้องแม่นยำเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของระบบหรือเครื่องมือที่สถาบันการเงินใช้อยู่ และการที่จะมีระบบงานหรือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสถาบันการเงินต้องมีทรัพยากรอย่างเพียงพอไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรบุคคล เครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบงานที่ใช้อยู่ สายกำกับสถาบันการเงินในฐานะผู้กำกับดูแลได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของระบบและเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยในการบริหารความเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น จึงได้จัดทำแนวทาง ที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงิน โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ ดังนี้
1 เพื่อให้ผู้ตรวจสอบใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบและประเมินระบบการบริหาร ความเสี่ยงของสถาบันการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าสถาบันการเงินมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ใช้ ในการระบุ วัด ติดตาม และควบคุมความเสี่ยงต่างๆ อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ หน้าที่ และ ความรับผิดชอบในการจัดให้มีระบบการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมกับปริมาณ ความซับซ้อน และประเภทของธุรกรรมของสถาบันการเงิน เป็นของคณะกรรมการและผู้บริหารของสถาบัน การเงิน
บทนำ 2
2 เพื่อให้สถาบันการเงินใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และปรับปรุงระบบหรือเครื่องมือ ในการบริหารความเสี่ยงที่กำลังพัฒนาหรือใช้อยู่แล้ว รวมถึงเพื่อกระตุ้นให้มีการพัฒนาเครื่องมือหรือระบบที่ช่วยในการบริหารความเสี่ยง และเพื่อเป็นพื้นฐานให้สถาบันการเงินเตรียมการในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในการพัฒนาแบบจำลองความเสี่ยงในอนาคตต่อไป โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับลูกหนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมของสถาบันการเงินเพื่อที่จะดำเนินการตามที่ Basel II -- Pillar II กำหนดไว้ ซึ่งเน้นการกำกับดูแลโดยให้สถาบันการเงินมีการพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงที่ดีและดำรงเงินกองทุนรองรับความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ได้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่มีอยู่ซึ่งระบบและเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่ดีจะช่วยให้สามารถประเมิน วัด ติดตามและ ควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม นอกจากนั้น จะช่วยให้สถาบันการเงินมีข้อมูลที่จะช่วย ในการบริหารพอร์ตของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจรวมทั้งเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขัน
ในเบื้องต้นนี้ได้จัดทำแนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง 5 เรื่อง ซึ่งในแต่ละเรื่องมีวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการจัดระดับความเสี่ยงด้านเครดิต (Internal Rating System) มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ให้สถาบันการเงินใช้เป็นแนวทางในการกำหนดการจัดระดับความเสี่ยงด้านเครดิต เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ และใช้ติดตามสถานะและคุณภาพของสินเชื่อในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะการติดตามสินเชื่อที่มีปัญหาใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนา credit risk model และ credit portfolio model ต่อไปใช้ในการบริหารพอร์ตสินเชื่อ รวมถึงการพิจารณาถึงการกระจุกตัวของสินเชื่อในแต่ละระดับความเสี่ยงเพื่อสถาบันการเงินสามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมและใช้ประกอบการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยง ที่มี
เป็นปัจจัยที่ใช้ประกอบในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย การวิเคราะห์ความสามารถในหารายได้ และวิเคราะห์ความเพียงพอของเงินสำรองที่พึงกัน
บทนำ 3
2. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของพอร์ตสินเชื่อ (Loan Portfolio Management) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินมีการกำหนดนโยบาย กลยุทธ์ ระบบและกระบวนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรวมถึงกระบวนการในการจัดการสินเชื่อที่เหมาะสมและรัดกุมให้สถาบันการเงินมีระบบการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของพอร์ตสินเชื่อที่เหมาะสม รัดกุม เพื่อสถาบันการเงินสามารถประเมิน วัดและติดตาม ความเสี่ยงที่มีอยู่ได้เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถดำเนินการแก้ไขสินเชื่อที่มีสัญญาณว่าจะมีปัญหาในการชำระหนี้คืนหรือก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแก่สถาบันการเงิน ได้ทันท่วงทีช่วยให้สถาบันการเงินสามารถกันสำรองและ/หรือดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงได้อย่างเพียงพอ
3. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการพัฒนาและนำ Credit Scoring มาใช้ในการบริหารสินเชื่อรายย่อย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการบริหารสินเชื่อรายย่อยและสามารถใช้กำหนดกลยุทธ์ในการตลาดและใช้บริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อให้แน่ใจได้ว่าค่าความเสี่ยงของพอร์ตที่ใช้ระบบ Credit Scoring ในการวัดนั้นเชื่อถือได้และสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการบริหารตาม
แนว risk-based ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการทดสอบแบบจำลองความเสี่ยง (Risk Model Validation) มีวัตถุประสงค์เพื่อ ให้สถาบันการเงินใช้ในการวางแผนพัฒนาและทดสอบความเชื่อถือได้ของแบบจำลองความเสี่ยงที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ทราบถึงข้อจำกัดของแบบจำลองความเสี่ยงที่ใช้ และตระหนักถึงการใช้ที่สอดคล้องกับแนวทางสากล
บทนำ 4
เพื่อให้มั่นใจได้ว่าค่าความเสี่ยงของพอร์ตต่าง ๆ ของสถาบันการเงินที่ได้จากแบบจำลองต่าง ๆ มีความเชื่อถือได้ และสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. แนวทางที่พึงปฏิบัติในการทดสอบภาวะวิกฤตความเสี่ยงด้านเครดิตและตลาด(Credit and Market Risk Stress Testing) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับภาวะวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อชดเชยข้อจำกัดของประสิทธิภาพและประสิทธิผลของเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ