2 มีนาคม 2548
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร *
ที่ ธปท. ฝสว. (21) ว. 438 /2548 เรื่อง นำส่งแนวนโยบายการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity
เพื่อกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ที่มีฐานะ (Position) จากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ต้องประเมินความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมดังกล่าว รวมทั้งดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมดังกล่าว ตามเงื่อนไขในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่อง การอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าธปท. จึงขอนำส่งแนวนโยบายการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity เพื่อให้ ธพ. ใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการดำรงเงินกองทุนดังกล่าว โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. อนุญาตให้ ธพ. ถือฐานะ (Position) ที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป โดย ธพ. จะต้องดำรงเงินกองทุนเพื่อ รองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity จากฐานะทั้ง Banking Book และ Trading Book
2. ธพ. สามารถประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเลือกใช้วิธี Maturity Ladder หรือวิธี Simplified Approach ตามที่กำหนดในแนวนโยบายที่แนบมานี้ หรือ ใช้วิธีแบบจำลองตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด ในหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ เมื่อ ธพ. เลือกใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งในการประเมินความเสี่ยงดังกล่าว จะต้องใช้วิธีการนั้นกับการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ทุกรายการและหาก ธพ. เลือกใช้วิธีแบบจำลองที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. แล้ว ธปท.ไม่อนุญาตให้ ธพ. กลับมาใช้วิธี Maturity Ladder หรือวิธี Simplified Approach ได้อีก
3. ธพ. ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย และด้านอัตราแลกเปลี่ยน ที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ด้วย โดย ธพ. ต้องประเมินความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้องและดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าวตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และ แบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม
4. ธพ. ต้องจัดทำข้อมูลและจัดส่งแบบรายงานที่เกี่ยวข้องกับการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ให้ ธปท. ตามแบบรายงานและคำอธิบายที่แนบมาพร้อมนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักเกณฑ์ที่กำหนดในหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องรูปแบบและวิธีการจัดส่งรายงานตามนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาด ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2547 โดยจะต้องจัดส่งให้กับฝ่ายข้อมูลสถาบันการเงิน สายบริหารข้อมูล ธปท. ภายใน 21 วันนับจากวันสิ้นเดือนที่ต้องรายงาน
5. แนวนโยบายนี้ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
5.1 ธพ. จะต้องประเมินเงินกองทุนที่ต้องดำรงเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตั้งแต่งวดสิ้นเดือนมีนาคม 2548 และจัดส่งแบบรายงานที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
5.2 ธพ. ต้องดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล)
ผู้ว่าการ
สนสว10-คส44001-25480303ด
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. แนวนโยบายการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำ ธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity
2. แบบรายงานตารางสรุปเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน แบบ Simplified Method และ Maturity Ladder Method และคำอธิบายประกอบการจัดทำรายงาน
ฝ่ายนโยบายความเสี่ยงและวิเคราะห์
โทร. 0-2283-5843, 0-2283-5302
หมายเหตุ [
] ธนาคารจะมีการจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่......ณ................
[X
] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง
แนวนโยบายการดำรงเงินกองทุน
เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity
____________________
1. เหตุผลในการออกแนวนโยบาย
เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยง
ด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตามหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยง
จากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
2. หนังสือเวียนและประกาศ ธปท. ที่เกี่ยวข้อง
2.1 หนังสือที่ สนส. (21) ว. 52/2547 ลงวันที่ 12 เมษายน 2547 เรื่อง นำส่งประกาศ
ธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้า ลงวันที่ 1 เมษายน 2547
2.2 หนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยง
ด้านตลาดของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546
3. ขอบเขตการบังคับใช้
ใช้บังคับกับธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร ยกเว้น กิจการวิเทศธนกิจ และธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย
4. เนื้อหา
4.1 อนุญาตให้ ธพ. สามารถถือฐานะ (Position) จากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity
ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป
4.2 ธพ. จะต้องประเมินความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ด้านอัตราแลกเปลี่ยน และด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodityและดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าวตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม
4.3 ธพ. ที่มีปริมาณธุรกรรมในบัญชีเพื่อการค้าตั้งแต่ระดับที่มีนัยสำคัญต้องดำรงเงินกองทุน
เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารทุนจากฐานะ (Position) ที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารทุนเฉพาะในบัญชีเพื่อการค้า และดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากฐานะทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเงินตราต่างประเทศ ส่วนความเสี่ยงด้านราคาสินค้า โภคภัณฑ์ หาก ธพ. ใดมีฐานะจากความเสี่ยงดังกล่าว จะต้องดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงจากฐานะทั้งหมด
4.4 ให้ ธพ. ประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเลือกใช้วิธี Maturity Ladder หรือวิธี Simplified Approach ตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์นี้หรือวิธีแบบจำลองตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด ในหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 ทั้งนี้ เมื่อ ธพ. เลือกใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งในการประเมินความเสี่ยงดังกล่าว จะต้องใช้วิธีการนั้นกับการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ทุกรายการ
4.5 กรณีที่ ธพ. เลือกใช้วิธีแบบจำลองที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วในการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อคำนวณเงินกองทุนที่จะต้องดำรง ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านตลาดตามวิธีแบบจำลองตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย ธพ. ต้องมั่นใจว่าวิธีแบบจำลองที่ใช้ในการประเมินความเสี่ยงดังกล่าวอย่างน้อยต้องครอบคลุมความเสี่ยงที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ทุกประเภทตามที่ได้ระบุไว้ในข้อ 4.7 ต่อไป และหาก ธพ. ใดเลือกใช้วิธีแบบจำลองในการประเมินความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว ธปท. จะไม่อนุญาตให้ ธพ. นั้น กลับมาใช้วิธี Maturity Ladder หรือวิธี Simplified Approach ได้อีก
4.6 อนุญาตให้ ธพ. นำฐานะ (Position) ของสินค้าต่างชนิดกันมาหักกลบลบกัน เฉพาะ กรณีเป็นสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาในลักษณะเดียวกันและสามารถใช้ทดแทนกันได้ โดยต้องคำนวณค่าสหสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้านั้นกับสินค้าที่ใช้ทดแทน (Correlation) ได้ไม่น้อยกว่า 0.9 ตลอดช่วงเวลาที่นำสินค้านั้น ๆ มาหักกลบลบกัน (ในการคำนวณค่าสหสัมพันธ์ที่กล่าวต้องใช้ข้อมูลของราคาสินค้าทุกวันย้อนหลังอย่างน้อย 250 วันทำการ)
4.7 ประเภทของความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น
4.7.1 Directional Risk คือ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด (Spot Price) ของสินค้า
4.7.2 Forward Gap Risk คือ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาล่วงหน้าของสินค้าที่เกิดจากปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ย เช่น ค่าใช้จ่ายโกดัง ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย เป็นต้น
4.7.3 Basis Risk คือ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากกรณีที่ ธพ. ไม่สามารถป้องกันความเสี่ยง
โดยใช้สินค้าชนิดเดียวกัน (Perfect Hedging) กล่าวคือ สินค้าที่อ้างอิงในสัญญาป้องกันความเสี่ยง (Hedging Item) ไม่ใช่สินค้าชนิดเดียวกับสินค้าที่ต้องการป้องกันความเสี่ยง (Hedged Item) ซึ่ง Basis Risk ก็คือ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าดังกล่าวอาจไม่สัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ค่าขนส่ง สถานที่และเวลาส่งมอบสินค้า หรือคุณภาพและเกรดของสินค้า เป็นต้น
4.7.4 Interest Rate Risk คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
ซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนในการเก็บรักษา (Cost of carry) ซึ่งจะมีผลกระทบต่อราคาสินค้าล่วงหน้า (Forward Price) ต่อไป
4.8 อนุญาตให้ ธพ. ที่ทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity และป้องกันความเสี่ยงแบบ Back to back ที่อ้างอิงกับสินค้าชนิดเดียวกัน มีอายุของสัญญาเท่ากัน และมีมูลค่าที่ระบุในสัญญาเท่ากัน สามารถหักกลบฐานะ Long และฐานะ Short ได้ และได้รับยกเว้นการประเมินความเสี่ยง และการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าว โดย ธพ. ต้องจัดทำรายละเอียดฐานะที่มีการหักกลบลบกันอย่างสมบูรณ์แยกออกมาให้เห็นชัดเจน เพื่อให้ ธปท. สามารถตรวจสอบได้
4.9 หลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธี Maturity Ladder
ในการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธี Maturity Ladderให้ ธพ. ปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
4.9.1 ขั้นตอนที่ 1 ให้ ธพ. จัดทำตาราง Maturity Ladder สำหรับสินค้าแต่ละชนิด
4.9.2 ขั้นตอนที่ 2 ให้ ธพ. คำนวณฐานะทันทีและฐานะล่วงหน้าของสินค้าแต่ละชนิดโดยนำมูลค่าตามสัญญาในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้น (เช่น บาร์เรล กิโลกรัม ปอนด์) คูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น โดยฐานะทันทีให้ใช้ราคาของสินค้า ณ ขณะนั้น (Spot price) ส่วนฐานะล่วงหน้าให้ใช้ราคาล่วงหน้าของสินค้าสำหรับช่วงระยะเวลาเดียวกัน (Forward price) แล้วแปลงค่า ให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
4.9.3 ขั้นตอนที่ 3 ให้ ธพ. นำฐานะที่คำนวณได้ตามขั้นตอนที่ 2 ลงรายการใน Maturity Ladder ของสินค้าแต่ละชนิดตามช่วงเวลา (Time Band) เป็นฐานะ Long (ซื้อ) หรือ ฐานะ
Short (ขาย) โดยฐานะ Short ให้ใส่เครื่องหมายติดลบ และคำนวณเงินกองทุนสำหรับแต่ละช่วงเวลาโดยนำฐานะ Long และ Short ที่สามารถหักกลบกันได้ (Matched Position) ภายในช่วงเวลาเดียวกันคูณด้วยน้ำหนักความเสี่ยงสำหรับช่วงเวลานั้นๆ ตามที่กำหนดในตารางที่ 1
ตารางที่ 1
Time Band 7 ช่วงเวลา
Time Band น้ำหนักความเสี่ยง
1 เดือนหรือน้อยกว่า -
มากกว่า 1 -- 3 เดือน |
มากกว่า 3 -- 6 เดือน |
มากกว่า 6 -- 12 เดือน |> 3.0%
มากกว่า 1 -- 2 ปี |
มากกว่า 2 -- 3 ปี |
มากกว่า 3 ปี -
สำหรับธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ที่ใช้วิธีการคำนวณแบบ Delta Plus ตามหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงสำหรับ Options ตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ลงรายการใน Maturity Ladder โดย
(ก) สัญญา Commodity Futures และ Commodity Forward ให้ลงฐานะ Long
หรือฐานะ Short ในตาราง Maturity Ladder โดยใช้มูลค่าตามสัญญา (Notional Amount) ในหน่วยวัด
มาตรฐานของสินค้านั้นคูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้วแปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน และลงรายการตามอายุของสัญญา (Maturity)
(ข) สัญญา Commodity Swaps ที่ขาหนึ่งเป็นราคาสินค้าคงที่ (Fixed Rate Price)
และอีกขาเป็นราคาสินค้าลอยตัว (Floating Rate Price) ให้ลงฐานะในตาราง Maturity Ladder
ตามงวดที่มีการชำระราคา โดย
* ในกรณีที่ ธพ. เป็นผู้จ่ายกระแสเงินสดที่คำนวณจากมูลค่าตามสัญญา(Notional amount) คูณด้วยราคาสินค้าคงที่ (Fixed Rate Price Payer) และเป็นผู้รับกระแสเงินสด ที่คำนวณจากมูลค่าตามสัญญา (Notional amount) คูณด้วยราคาสินค้าลอยตัว (Floating Rate Price Receiver) ให้ลงรายการเป็นฐานะ Long โดยใช้มูลค่าตามสัญญา (Notional Amount) ในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้นคูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้วแปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
* ส่วนกรณีที่ ธพ. เป็นผู้รับกระแสเงินสดที่คำนวณจากมูลค่าตามสัญญา(Notional amount) คูณด้วยราคาคงที่ (Fixed Rate Price Receiver) และเป็นผู้จ่ายกระแสเงินสดที่คำนวณมูลค่าตามสัญญา (Notional amount) คูณด้วยราคาลอยตัว (Floating Rate Price Payer) ให้ลงรายการเป็นฐานะ Short โดยใช้มูลค่าตามสัญญา (Notional Amount) ในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้นคูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้วแปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
(ค) สัญญา Commodity Options ที่ใช้วิธีการคำนวณแบบ Delta Plus ให้ลงฐานะLong และ Short ตามมูลค่าตามสัญญา (Notional Amount) ในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้นคูณด้วยค่าเดลต้า คูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้วแปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
(ง) สัญญา Commodity Options ที่ใช้วิธีการประเมินความเสี่ยงด้วยวิธี Simplified Method และ Contingent Loss Method ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21)ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม
4.9.4 ขั้นตอนที่ 4 อนุญาตให้ ธพ. นำฐานะสุทธิที่เหลือจากการหักกลบกัน (Residual position) ในแต่ละช่วงเวลา (Time Band) ไปหักกลบ (Match) กับฐานะของช่วงเวลาในลำดับถัดไปได้ โดยให้ดำรงเงินกองทุนเพิ่มเติมร้อยละ 0.6 สำหรับแต่ละช่วงเวลาที่นำฐานะดังกล่าว (Residualposition) ไปหักกลบ โดยให้ใช้วิธีการคำนวณเหมือนขั้นตอนที่ 3
4.9.5 ขั้นตอนที่ 5 เมื่อ ธพ. คำนวณจนได้ฐานะเกินดุลสุทธิหรือฐานะขาดดุลสุทธิ(Net Open Position) ฐานะใดฐานะหนึ่งแล้ว (สำหรับสินค้าแต่ละชนิด) ให้ ธพ. ดำรงเงินกองทุนที่อัตราร้อยละ 15 ของฐานะดังกล่าว
4.9.6 สำหรับราคาตลาดของสินค้าและอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันที่ใช้ในการคำนวณฐานะนั้น ให้ ธพ. ใช้จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และมีการเผยแพร่อย่างเป็นมาตรฐานต่อสาธารณะ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันในกรณีที่เป็นวันทำการสุดท้ายของเดือนให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศทางเวบไซต์ (Web-Site) โดยให้ ธพ. คำนวณอัตรากลาง (Mid-rate) ระหว่างอัตราซื้อถัวเฉลี่ยทางโทรเลข (T/T) กับอัตราขายถัวเฉลี่ย ทั้งนี้ ธพ. ต้องใช้
ราคาตลาดของสินค้าและอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันจากแหล่งข้อมูลเดิมอย่างสม่ำเสมอ
4.10 หลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธี Simplified
4.10.1 การคำนวณมูลค่าฐานะของสินค้าโภคภัณฑ์แต่ละชนิด ให้ ธพ. ใช้หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับการคำนวณฐานะตามวิธี Maturity Ladder
4.10.2 ให้ ธพ. คำนวณฐานะสุทธิ (Net Open Position) ของสินค้าแต่ละชนิด ซึ่งเท่ากับค่าสัมบูรณ์ของฐานะ Long ทั้งหมดลบกับฐานะ Short ทั้งหมด ของสินค้าชนิดเดียวกัน โดยไม่คำนึงถึงอายุของสัญญา และดำรงเงินกองทุนในอัตราร้อยละ 15 ของฐานะสุทธิของสินค้าแต่ละชนิด (เพื่อรองรับความเสี่ยงประเภท Directional Risk )
15% ของฐานะสุทธิ โดยฐานะสุทธิ = ฐานะ Long - ฐานะ Short
4.10.3 ให้ ธพ. ดำรงเงินกองทุนที่อัตราร้อยละ 3 ของฐานะรวม (Gross Position)
สำหรับสินค้าแต่ละชนิด โดยฐานะรวม คือ ผลรวมของฐานะ Long ทั้งหมดกับฐานะ Short ทั้งหมดของสินค้าชนิดเดียวกัน (เพื่อรองรับความเสี่ยงด้าน Basis Risk ด้านอัตราดอกเบี้ยและด้าน Forward Gap Risk)
3% ของฐานะรวม โดย ฐานะรวม = ฐานะ Long + ฐานะ Short
4.10.4 เงินกองทุนที่ต้องดำรง = เงินกองทุนตาม (4.10.2) + เงินกองทุนตาม (4.10.3)
4.11 การจัดทำข้อมูลและแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ ธพ. จัดทำข้อมูลและจัดส่งแบบรายงานที่เกี่ยวข้องกับการดำรงเงินกองทุนเพื่อรอง
รับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ ธปท. ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในหนังสือที่ ธปท. สนส.(21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องรูปแบบและวิธีการจัดส่งรายงานตามนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาด ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2547
ทั้งนี้ ธพ. ต้องเก็บเอกสารรายละเอียดการคำนวณเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยง ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งข้อมูลการคำนวณค่าสหสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้ตรวจสอบ ธปท. สามารถตรวจสอบได้
5. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ให้ ธพ. ถือปฏิบัติตามแนวนโยบายนี้ ดังนี้
5.1 ธพ. จะต้องประเมินเงินกองทุนที่ต้องดำรงเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตั้งแต่งวดสิ้นเดือนมีนาคม 2548 และจัดส่งแบบรายงานที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
5.2 ธพ. ต้องดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป
ตัวอย่างการคำนวณเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามวิธี Maturity Ladder
ธพ. ได้ทำธุรกรรม Forward เพื่อซื้อและขายอลูมิเนียมล่วงหน้า ซึ่งมีอายุสัญญาและมูลค่า
ดังแสดงในตาราง
ฐานะLong(ซื้อ)/Short(ขาย) Maturity มูลค่า (บาท)
Long 4 เดือน 20,000
Short 5 เดือน 25,000
Long 2.5 ปี 15,000
Short 7 ปี 15,000
โดยที่ฐานะดังกล่าวเป็นฐานะในสินค้าชนิดเดียวกัน และแปลงค่าเป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
ธพ. สามารถคำนวณเงินกองทุนที่ต้องดำรง ดังแสดงในตารางนี้
ช่วงเวลา ฐานะ (บาท) การคำนวณเงินกองทุน เงินกองทุนที่ต้องดำรง
1 เดือนหรือน้อยกว่า
มากกว่า 1 -- 3 เดือน
มากกว่า 3 -- 6 เดือน Long 20,000 20,000 matched position x 3% = 600
Short 25,000 5,000 carry forward 3 ช่วงเวลา=
5,000 x 3 x 0.6% = 90
มากกว่า 6 -- 12 เดือน
มากกว่า 1 -- 2 ปี
มากกว่า 2 -- 3 ปี Long 15,000 5,000 matched position x 3% = 150
10,000 carry forward x 0.6% = 60
มากกว่า 3 ปี Short 15,000 10,000 matched position x 3%= 300
ฐานะสุทธิ 5,000: 5,000 x 15% = 750
รวม 1,950
ดังนั้น เงินกองทุนที่ ธพ. ต้องดำรงทั้งสิ้น มีมูลค่าเท่ากับ 1,950 บาท
ตัวอย่างการคำนวณเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามวิธี Simplified Approach
ฐานะสุทธิ = 20,000 - 25,000 + 15,000 - 15,000 = 5000 บาท
ฐานะรวม = (20,000 + 15,000) + (25,000 + 15,000) = 75,000 บาท
เงินกองทุนที่ต้องดำรง = (15% x 5000) + (3% x 75,000) = 3,000 บาท
ตารางที่ 5 ตารางสรุปเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน แบบ Simplified Method
หน่วย: พันบาท
ฐานะ ฐานะ ฐานะ ฐานะ เงินกองทุน
Long Short สุทธิ รวม
ประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ (A) (B) (C) (D) (E)
1. สินค้าเกษตร
2. พลังงาน
3. โลหะมีค่า
4. โลหะอื่นๆ
5. สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ
รวมเงินกองทุน
ตารางที่ 6 ตารางสรุปเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน แบบ Maturity Ladder
ตารางที่ 5 ตารางสรุปเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน
แบบ Simplified Method
ตารางนี้เป็นตารางสรุปการคำนวณเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคา
สินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน แบบ Simplified Method สำหรับฐานะที่ ธพ. ถือครองอยู่ในบัญชี
เพื่อการค้า โดยมีหลักเกณฑ์ในการแสดงรายการ ดังนี้
1. ประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะต้องแสดงรายการ
ให้รายงานฐานะในบัญชีเพื่อการค้าที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และเงินกองทุนที่ต้องดำรงเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าวแยกตามประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนี้
* สินค้าเกษตร ได้แก่สินค้าเกษตรที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) ประกาศให้มีการซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของประเทศไทย หรือสินค้าที่มีการซื้อขายในตลาด Commodity Futures ของต่างประเทศ ได้แก่ ถั่วเหลือง กาแฟ น้ำตาล น้ำมันปาล์ม
* พลังงาน ได้แก่ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ
* โลหะมีค่า ได้แก่ เงิน
* โลหะอื่น ๆ ได้แก่ ดีบุก ทองแดง ตะกั่ว อลูมิเนียม สังกะสี
* สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ ได้แก่ สินค้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดเพิ่มเติมต่อไป
2. การแสดงรายการในฐานะ Long และฐานะ Short ในตาราง
2.1 ฐานะ Long (คอลัมน์ A) และฐานะ Short (คอลัมน์ B) ที่แสดงในตารางนี้ เป็นผลรวมของฐานะ Long และฐานะ Short ของสินค้าโภคภัณฑ์ที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน โดย ธพ. จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
2.1.1 ให้ ธพ. จัดทำตารางสำหรับสินค้าแต่ละชนิด ทั้งนี้ สำหรับสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาในลักษณะเดียวกันและสามารถใช้ทดแทนกันได้ ซึ่งมีค่าสหสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้านั้นและสินค้าที่ใช้ทดแทนไม่ต่ำกว่า 0.9 (โดยใช้ข้อมูลในอดีตย้อนหลังไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือ 250 วันทำการ) สามารถจัดอยู่ในตารางเดียวกันเพื่อคำนวณเงินกองทุนได้โดยคำนวณฐานะปัจจุบันและฐานะล่วงหน้าของสินค้าแต่ละชนิดโดยนำมูลค่าตามสัญญาในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้น (เช่น บาร์เรล กิโลกรัม ปอนด์) คูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้ว
แปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน และลงเป็นฐานะ Long หรือ ฐานะ Short
2.1.2 สำหรับธุรกรรมอนุพันธ์ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น Commodity Futures, Commodity Linked Swaps Commodity Options (เฉพาะที่ใช้วิธีการคำนวณแบบ Delta Plus ตามหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงสำหรับ Options ตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม) ให้ลงรายการในตารางโดย
(ยังมีต่อ)
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร *
ที่ ธปท. ฝสว. (21) ว. 438 /2548 เรื่อง นำส่งแนวนโยบายการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity
เพื่อกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ที่มีฐานะ (Position) จากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ต้องประเมินความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมดังกล่าว รวมทั้งดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมดังกล่าว ตามเงื่อนไขในประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่อง การอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าธปท. จึงขอนำส่งแนวนโยบายการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity เพื่อให้ ธพ. ใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการดำรงเงินกองทุนดังกล่าว โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. อนุญาตให้ ธพ. ถือฐานะ (Position) ที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป โดย ธพ. จะต้องดำรงเงินกองทุนเพื่อ รองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity จากฐานะทั้ง Banking Book และ Trading Book
2. ธพ. สามารถประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเลือกใช้วิธี Maturity Ladder หรือวิธี Simplified Approach ตามที่กำหนดในแนวนโยบายที่แนบมานี้ หรือ ใช้วิธีแบบจำลองตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด ในหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ เมื่อ ธพ. เลือกใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งในการประเมินความเสี่ยงดังกล่าว จะต้องใช้วิธีการนั้นกับการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ทุกรายการและหาก ธพ. เลือกใช้วิธีแบบจำลองที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. แล้ว ธปท.ไม่อนุญาตให้ ธพ. กลับมาใช้วิธี Maturity Ladder หรือวิธี Simplified Approach ได้อีก
3. ธพ. ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย และด้านอัตราแลกเปลี่ยน ที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ด้วย โดย ธพ. ต้องประเมินความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้องและดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าวตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และ แบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม
4. ธพ. ต้องจัดทำข้อมูลและจัดส่งแบบรายงานที่เกี่ยวข้องกับการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ให้ ธปท. ตามแบบรายงานและคำอธิบายที่แนบมาพร้อมนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักเกณฑ์ที่กำหนดในหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องรูปแบบและวิธีการจัดส่งรายงานตามนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาด ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2547 โดยจะต้องจัดส่งให้กับฝ่ายข้อมูลสถาบันการเงิน สายบริหารข้อมูล ธปท. ภายใน 21 วันนับจากวันสิ้นเดือนที่ต้องรายงาน
5. แนวนโยบายนี้ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
5.1 ธพ. จะต้องประเมินเงินกองทุนที่ต้องดำรงเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตั้งแต่งวดสิ้นเดือนมีนาคม 2548 และจัดส่งแบบรายงานที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
5.2 ธพ. ต้องดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล)
ผู้ว่าการ
สนสว10-คส44001-25480303ด
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. แนวนโยบายการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำ ธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity
2. แบบรายงานตารางสรุปเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน แบบ Simplified Method และ Maturity Ladder Method และคำอธิบายประกอบการจัดทำรายงาน
ฝ่ายนโยบายความเสี่ยงและวิเคราะห์
โทร. 0-2283-5843, 0-2283-5302
หมายเหตุ [
] ธนาคารจะมีการจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่......ณ................
[X
] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง
แนวนโยบายการดำรงเงินกองทุน
เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity
____________________
1. เหตุผลในการออกแนวนโยบาย
เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยง
ด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตามหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยง
จากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
2. หนังสือเวียนและประกาศ ธปท. ที่เกี่ยวข้อง
2.1 หนังสือที่ สนส. (21) ว. 52/2547 ลงวันที่ 12 เมษายน 2547 เรื่อง นำส่งประกาศ
ธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้า ลงวันที่ 1 เมษายน 2547
2.2 หนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยง
ด้านตลาดของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546
3. ขอบเขตการบังคับใช้
ใช้บังคับกับธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร ยกเว้น กิจการวิเทศธนกิจ และธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย
4. เนื้อหา
4.1 อนุญาตให้ ธพ. สามารถถือฐานะ (Position) จากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity
ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป
4.2 ธพ. จะต้องประเมินความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ด้านอัตราแลกเปลี่ยน และด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodityและดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าวตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม
4.3 ธพ. ที่มีปริมาณธุรกรรมในบัญชีเพื่อการค้าตั้งแต่ระดับที่มีนัยสำคัญต้องดำรงเงินกองทุน
เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารทุนจากฐานะ (Position) ที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารทุนเฉพาะในบัญชีเพื่อการค้า และดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากฐานะทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเงินตราต่างประเทศ ส่วนความเสี่ยงด้านราคาสินค้า โภคภัณฑ์ หาก ธพ. ใดมีฐานะจากความเสี่ยงดังกล่าว จะต้องดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงจากฐานะทั้งหมด
4.4 ให้ ธพ. ประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเลือกใช้วิธี Maturity Ladder หรือวิธี Simplified Approach ตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์นี้หรือวิธีแบบจำลองตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด ในหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 ทั้งนี้ เมื่อ ธพ. เลือกใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งในการประเมินความเสี่ยงดังกล่าว จะต้องใช้วิธีการนั้นกับการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ทุกรายการ
4.5 กรณีที่ ธพ. เลือกใช้วิธีแบบจำลองที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วในการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อคำนวณเงินกองทุนที่จะต้องดำรง ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านตลาดตามวิธีแบบจำลองตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย ธพ. ต้องมั่นใจว่าวิธีแบบจำลองที่ใช้ในการประเมินความเสี่ยงดังกล่าวอย่างน้อยต้องครอบคลุมความเสี่ยงที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ทุกประเภทตามที่ได้ระบุไว้ในข้อ 4.7 ต่อไป และหาก ธพ. ใดเลือกใช้วิธีแบบจำลองในการประเมินความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว ธปท. จะไม่อนุญาตให้ ธพ. นั้น กลับมาใช้วิธี Maturity Ladder หรือวิธี Simplified Approach ได้อีก
4.6 อนุญาตให้ ธพ. นำฐานะ (Position) ของสินค้าต่างชนิดกันมาหักกลบลบกัน เฉพาะ กรณีเป็นสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาในลักษณะเดียวกันและสามารถใช้ทดแทนกันได้ โดยต้องคำนวณค่าสหสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้านั้นกับสินค้าที่ใช้ทดแทน (Correlation) ได้ไม่น้อยกว่า 0.9 ตลอดช่วงเวลาที่นำสินค้านั้น ๆ มาหักกลบลบกัน (ในการคำนวณค่าสหสัมพันธ์ที่กล่าวต้องใช้ข้อมูลของราคาสินค้าทุกวันย้อนหลังอย่างน้อย 250 วันทำการ)
4.7 ประเภทของความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น
4.7.1 Directional Risk คือ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด (Spot Price) ของสินค้า
4.7.2 Forward Gap Risk คือ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาล่วงหน้าของสินค้าที่เกิดจากปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ย เช่น ค่าใช้จ่ายโกดัง ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย เป็นต้น
4.7.3 Basis Risk คือ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากกรณีที่ ธพ. ไม่สามารถป้องกันความเสี่ยง
โดยใช้สินค้าชนิดเดียวกัน (Perfect Hedging) กล่าวคือ สินค้าที่อ้างอิงในสัญญาป้องกันความเสี่ยง (Hedging Item) ไม่ใช่สินค้าชนิดเดียวกับสินค้าที่ต้องการป้องกันความเสี่ยง (Hedged Item) ซึ่ง Basis Risk ก็คือ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าดังกล่าวอาจไม่สัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ค่าขนส่ง สถานที่และเวลาส่งมอบสินค้า หรือคุณภาพและเกรดของสินค้า เป็นต้น
4.7.4 Interest Rate Risk คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
ซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนในการเก็บรักษา (Cost of carry) ซึ่งจะมีผลกระทบต่อราคาสินค้าล่วงหน้า (Forward Price) ต่อไป
4.8 อนุญาตให้ ธพ. ที่ทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity และป้องกันความเสี่ยงแบบ Back to back ที่อ้างอิงกับสินค้าชนิดเดียวกัน มีอายุของสัญญาเท่ากัน และมีมูลค่าที่ระบุในสัญญาเท่ากัน สามารถหักกลบฐานะ Long และฐานะ Short ได้ และได้รับยกเว้นการประเมินความเสี่ยง และการดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าว โดย ธพ. ต้องจัดทำรายละเอียดฐานะที่มีการหักกลบลบกันอย่างสมบูรณ์แยกออกมาให้เห็นชัดเจน เพื่อให้ ธปท. สามารถตรวจสอบได้
4.9 หลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธี Maturity Ladder
ในการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธี Maturity Ladderให้ ธพ. ปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
4.9.1 ขั้นตอนที่ 1 ให้ ธพ. จัดทำตาราง Maturity Ladder สำหรับสินค้าแต่ละชนิด
4.9.2 ขั้นตอนที่ 2 ให้ ธพ. คำนวณฐานะทันทีและฐานะล่วงหน้าของสินค้าแต่ละชนิดโดยนำมูลค่าตามสัญญาในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้น (เช่น บาร์เรล กิโลกรัม ปอนด์) คูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น โดยฐานะทันทีให้ใช้ราคาของสินค้า ณ ขณะนั้น (Spot price) ส่วนฐานะล่วงหน้าให้ใช้ราคาล่วงหน้าของสินค้าสำหรับช่วงระยะเวลาเดียวกัน (Forward price) แล้วแปลงค่า ให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
4.9.3 ขั้นตอนที่ 3 ให้ ธพ. นำฐานะที่คำนวณได้ตามขั้นตอนที่ 2 ลงรายการใน Maturity Ladder ของสินค้าแต่ละชนิดตามช่วงเวลา (Time Band) เป็นฐานะ Long (ซื้อ) หรือ ฐานะ
Short (ขาย) โดยฐานะ Short ให้ใส่เครื่องหมายติดลบ และคำนวณเงินกองทุนสำหรับแต่ละช่วงเวลาโดยนำฐานะ Long และ Short ที่สามารถหักกลบกันได้ (Matched Position) ภายในช่วงเวลาเดียวกันคูณด้วยน้ำหนักความเสี่ยงสำหรับช่วงเวลานั้นๆ ตามที่กำหนดในตารางที่ 1
ตารางที่ 1
Time Band 7 ช่วงเวลา
Time Band น้ำหนักความเสี่ยง
1 เดือนหรือน้อยกว่า -
มากกว่า 1 -- 3 เดือน |
มากกว่า 3 -- 6 เดือน |
มากกว่า 6 -- 12 เดือน |> 3.0%
มากกว่า 1 -- 2 ปี |
มากกว่า 2 -- 3 ปี |
มากกว่า 3 ปี -
สำหรับธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ที่ใช้วิธีการคำนวณแบบ Delta Plus ตามหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงสำหรับ Options ตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ลงรายการใน Maturity Ladder โดย
(ก) สัญญา Commodity Futures และ Commodity Forward ให้ลงฐานะ Long
หรือฐานะ Short ในตาราง Maturity Ladder โดยใช้มูลค่าตามสัญญา (Notional Amount) ในหน่วยวัด
มาตรฐานของสินค้านั้นคูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้วแปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน และลงรายการตามอายุของสัญญา (Maturity)
(ข) สัญญา Commodity Swaps ที่ขาหนึ่งเป็นราคาสินค้าคงที่ (Fixed Rate Price)
และอีกขาเป็นราคาสินค้าลอยตัว (Floating Rate Price) ให้ลงฐานะในตาราง Maturity Ladder
ตามงวดที่มีการชำระราคา โดย
* ในกรณีที่ ธพ. เป็นผู้จ่ายกระแสเงินสดที่คำนวณจากมูลค่าตามสัญญา(Notional amount) คูณด้วยราคาสินค้าคงที่ (Fixed Rate Price Payer) และเป็นผู้รับกระแสเงินสด ที่คำนวณจากมูลค่าตามสัญญา (Notional amount) คูณด้วยราคาสินค้าลอยตัว (Floating Rate Price Receiver) ให้ลงรายการเป็นฐานะ Long โดยใช้มูลค่าตามสัญญา (Notional Amount) ในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้นคูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้วแปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
* ส่วนกรณีที่ ธพ. เป็นผู้รับกระแสเงินสดที่คำนวณจากมูลค่าตามสัญญา(Notional amount) คูณด้วยราคาคงที่ (Fixed Rate Price Receiver) และเป็นผู้จ่ายกระแสเงินสดที่คำนวณมูลค่าตามสัญญา (Notional amount) คูณด้วยราคาลอยตัว (Floating Rate Price Payer) ให้ลงรายการเป็นฐานะ Short โดยใช้มูลค่าตามสัญญา (Notional Amount) ในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้นคูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้วแปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
(ค) สัญญา Commodity Options ที่ใช้วิธีการคำนวณแบบ Delta Plus ให้ลงฐานะLong และ Short ตามมูลค่าตามสัญญา (Notional Amount) ในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้นคูณด้วยค่าเดลต้า คูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้วแปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
(ง) สัญญา Commodity Options ที่ใช้วิธีการประเมินความเสี่ยงด้วยวิธี Simplified Method และ Contingent Loss Method ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21)ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม
4.9.4 ขั้นตอนที่ 4 อนุญาตให้ ธพ. นำฐานะสุทธิที่เหลือจากการหักกลบกัน (Residual position) ในแต่ละช่วงเวลา (Time Band) ไปหักกลบ (Match) กับฐานะของช่วงเวลาในลำดับถัดไปได้ โดยให้ดำรงเงินกองทุนเพิ่มเติมร้อยละ 0.6 สำหรับแต่ละช่วงเวลาที่นำฐานะดังกล่าว (Residualposition) ไปหักกลบ โดยให้ใช้วิธีการคำนวณเหมือนขั้นตอนที่ 3
4.9.5 ขั้นตอนที่ 5 เมื่อ ธพ. คำนวณจนได้ฐานะเกินดุลสุทธิหรือฐานะขาดดุลสุทธิ(Net Open Position) ฐานะใดฐานะหนึ่งแล้ว (สำหรับสินค้าแต่ละชนิด) ให้ ธพ. ดำรงเงินกองทุนที่อัตราร้อยละ 15 ของฐานะดังกล่าว
4.9.6 สำหรับราคาตลาดของสินค้าและอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันที่ใช้ในการคำนวณฐานะนั้น ให้ ธพ. ใช้จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และมีการเผยแพร่อย่างเป็นมาตรฐานต่อสาธารณะ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันในกรณีที่เป็นวันทำการสุดท้ายของเดือนให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศทางเวบไซต์ (Web-Site) โดยให้ ธพ. คำนวณอัตรากลาง (Mid-rate) ระหว่างอัตราซื้อถัวเฉลี่ยทางโทรเลข (T/T) กับอัตราขายถัวเฉลี่ย ทั้งนี้ ธพ. ต้องใช้
ราคาตลาดของสินค้าและอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันจากแหล่งข้อมูลเดิมอย่างสม่ำเสมอ
4.10 หลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธี Simplified
4.10.1 การคำนวณมูลค่าฐานะของสินค้าโภคภัณฑ์แต่ละชนิด ให้ ธพ. ใช้หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับการคำนวณฐานะตามวิธี Maturity Ladder
4.10.2 ให้ ธพ. คำนวณฐานะสุทธิ (Net Open Position) ของสินค้าแต่ละชนิด ซึ่งเท่ากับค่าสัมบูรณ์ของฐานะ Long ทั้งหมดลบกับฐานะ Short ทั้งหมด ของสินค้าชนิดเดียวกัน โดยไม่คำนึงถึงอายุของสัญญา และดำรงเงินกองทุนในอัตราร้อยละ 15 ของฐานะสุทธิของสินค้าแต่ละชนิด (เพื่อรองรับความเสี่ยงประเภท Directional Risk )
15% ของฐานะสุทธิ โดยฐานะสุทธิ = ฐานะ Long - ฐานะ Short
4.10.3 ให้ ธพ. ดำรงเงินกองทุนที่อัตราร้อยละ 3 ของฐานะรวม (Gross Position)
สำหรับสินค้าแต่ละชนิด โดยฐานะรวม คือ ผลรวมของฐานะ Long ทั้งหมดกับฐานะ Short ทั้งหมดของสินค้าชนิดเดียวกัน (เพื่อรองรับความเสี่ยงด้าน Basis Risk ด้านอัตราดอกเบี้ยและด้าน Forward Gap Risk)
3% ของฐานะรวม โดย ฐานะรวม = ฐานะ Long + ฐานะ Short
4.10.4 เงินกองทุนที่ต้องดำรง = เงินกองทุนตาม (4.10.2) + เงินกองทุนตาม (4.10.3)
4.11 การจัดทำข้อมูลและแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ ธพ. จัดทำข้อมูลและจัดส่งแบบรายงานที่เกี่ยวข้องกับการดำรงเงินกองทุนเพื่อรอง
รับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ ธปท. ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในหนังสือที่ ธปท. สนส.(21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องรูปแบบและวิธีการจัดส่งรายงานตามนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาด ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2547
ทั้งนี้ ธพ. ต้องเก็บเอกสารรายละเอียดการคำนวณเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยง ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งข้อมูลการคำนวณค่าสหสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้ตรวจสอบ ธปท. สามารถตรวจสอบได้
5. วันเริ่มต้นบังคับใช้
ให้ ธพ. ถือปฏิบัติตามแนวนโยบายนี้ ดังนี้
5.1 ธพ. จะต้องประเมินเงินกองทุนที่ต้องดำรงเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตั้งแต่งวดสิ้นเดือนมีนาคม 2548 และจัดส่งแบบรายงานที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
5.2 ธพ. ต้องดำรงเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านตลาดที่เกิดจากการทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้าน Commodity ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 เป็นต้นไป
ตัวอย่างการคำนวณเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามวิธี Maturity Ladder
ธพ. ได้ทำธุรกรรม Forward เพื่อซื้อและขายอลูมิเนียมล่วงหน้า ซึ่งมีอายุสัญญาและมูลค่า
ดังแสดงในตาราง
ฐานะLong(ซื้อ)/Short(ขาย) Maturity มูลค่า (บาท)
Long 4 เดือน 20,000
Short 5 เดือน 25,000
Long 2.5 ปี 15,000
Short 7 ปี 15,000
โดยที่ฐานะดังกล่าวเป็นฐานะในสินค้าชนิดเดียวกัน และแปลงค่าเป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
ธพ. สามารถคำนวณเงินกองทุนที่ต้องดำรง ดังแสดงในตารางนี้
ช่วงเวลา ฐานะ (บาท) การคำนวณเงินกองทุน เงินกองทุนที่ต้องดำรง
1 เดือนหรือน้อยกว่า
มากกว่า 1 -- 3 เดือน
มากกว่า 3 -- 6 เดือน Long 20,000 20,000 matched position x 3% = 600
Short 25,000 5,000 carry forward 3 ช่วงเวลา=
5,000 x 3 x 0.6% = 90
มากกว่า 6 -- 12 เดือน
มากกว่า 1 -- 2 ปี
มากกว่า 2 -- 3 ปี Long 15,000 5,000 matched position x 3% = 150
10,000 carry forward x 0.6% = 60
มากกว่า 3 ปี Short 15,000 10,000 matched position x 3%= 300
ฐานะสุทธิ 5,000: 5,000 x 15% = 750
รวม 1,950
ดังนั้น เงินกองทุนที่ ธพ. ต้องดำรงทั้งสิ้น มีมูลค่าเท่ากับ 1,950 บาท
ตัวอย่างการคำนวณเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามวิธี Simplified Approach
ฐานะสุทธิ = 20,000 - 25,000 + 15,000 - 15,000 = 5000 บาท
ฐานะรวม = (20,000 + 15,000) + (25,000 + 15,000) = 75,000 บาท
เงินกองทุนที่ต้องดำรง = (15% x 5000) + (3% x 75,000) = 3,000 บาท
ตารางที่ 5 ตารางสรุปเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน แบบ Simplified Method
หน่วย: พันบาท
ฐานะ ฐานะ ฐานะ ฐานะ เงินกองทุน
Long Short สุทธิ รวม
ประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ (A) (B) (C) (D) (E)
1. สินค้าเกษตร
2. พลังงาน
3. โลหะมีค่า
4. โลหะอื่นๆ
5. สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ
รวมเงินกองทุน
ตารางที่ 6 ตารางสรุปเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน แบบ Maturity Ladder
ตารางที่ 5 ตารางสรุปเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน
แบบ Simplified Method
ตารางนี้เป็นตารางสรุปการคำนวณเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านราคา
สินค้าโภคภัณฑ์ตามวิธีมาตรฐาน แบบ Simplified Method สำหรับฐานะที่ ธพ. ถือครองอยู่ในบัญชี
เพื่อการค้า โดยมีหลักเกณฑ์ในการแสดงรายการ ดังนี้
1. ประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะต้องแสดงรายการ
ให้รายงานฐานะในบัญชีเพื่อการค้าที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และเงินกองทุนที่ต้องดำรงเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าวแยกตามประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนี้
* สินค้าเกษตร ได้แก่สินค้าเกษตรที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) ประกาศให้มีการซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของประเทศไทย หรือสินค้าที่มีการซื้อขายในตลาด Commodity Futures ของต่างประเทศ ได้แก่ ถั่วเหลือง กาแฟ น้ำตาล น้ำมันปาล์ม
* พลังงาน ได้แก่ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ
* โลหะมีค่า ได้แก่ เงิน
* โลหะอื่น ๆ ได้แก่ ดีบุก ทองแดง ตะกั่ว อลูมิเนียม สังกะสี
* สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ ได้แก่ สินค้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนดเพิ่มเติมต่อไป
2. การแสดงรายการในฐานะ Long และฐานะ Short ในตาราง
2.1 ฐานะ Long (คอลัมน์ A) และฐานะ Short (คอลัมน์ B) ที่แสดงในตารางนี้ เป็นผลรวมของฐานะ Long และฐานะ Short ของสินค้าโภคภัณฑ์ที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน โดย ธพ. จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
2.1.1 ให้ ธพ. จัดทำตารางสำหรับสินค้าแต่ละชนิด ทั้งนี้ สำหรับสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาในลักษณะเดียวกันและสามารถใช้ทดแทนกันได้ ซึ่งมีค่าสหสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้านั้นและสินค้าที่ใช้ทดแทนไม่ต่ำกว่า 0.9 (โดยใช้ข้อมูลในอดีตย้อนหลังไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือ 250 วันทำการ) สามารถจัดอยู่ในตารางเดียวกันเพื่อคำนวณเงินกองทุนได้โดยคำนวณฐานะปัจจุบันและฐานะล่วงหน้าของสินค้าแต่ละชนิดโดยนำมูลค่าตามสัญญาในหน่วยวัดมาตรฐานของสินค้านั้น (เช่น บาร์เรล กิโลกรัม ปอนด์) คูณด้วยราคาตลาดของสินค้านั้น แล้ว
แปลงค่าให้เป็นสกุลเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน และลงเป็นฐานะ Long หรือ ฐานะ Short
2.1.2 สำหรับธุรกรรมอนุพันธ์ด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น Commodity Futures, Commodity Linked Swaps Commodity Options (เฉพาะที่ใช้วิธีการคำนวณแบบ Delta Plus ตามหลักเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงสำหรับ Options ตามหนังสือที่ ธปท. สนส. (21) ว. 2738/2546 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลความเสี่ยงด้านตลาดของสถาบันการเงิน และแบบรายงานที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2546 หรือที่แก้ไขเพิ่มเติม) ให้ลงรายการในตารางโดย
(ยังมีต่อ)