แท็ก
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ออมสิน ธนาคาร
ธนาคารออมสิน
ชายแดนภาคใต้
6 พฤศจิกายน 2549
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
ธนาคารออมสิน
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ที่ ธปท.ฝกช.(22)ว. 1602/2549 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นสมควรให้การสนับสนุนทางการเงินอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีพิเศษต่อไปอีก จึงได้ปรับปรุงการให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวการณ์ในปัจจุบันยิ่งขึ้น เพื่อบรรเทาภาระทางการเงินสำหรับยอดคงค้างสินเชื่อที่มีอยู่ปัจจุบัน และเพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินการต่อไปได้ จึงเห็นสมควรดำเนินการดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้ยกเลิก
(1) หนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.สกง.(04)ว. 634/2548 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงวันที่ 1 เมษายน 2548
(2) หนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.สกง.(04)ว. 1725/2548 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงวันที่ 15 กันยายน 2548
ข้อ 2. ในหนังสือนี้
"ธปท." หมายความว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย
"สถาบันการเงินเฉพาะกิจ" หมายความว่า ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
"กิจการ" หมายความว่า กิจการต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีสถานประกอบการอยู่ในเขตจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส รวมถึงการรับซื้อหรือรับโอนกิจการเพื่อดำเนินธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป
"ผู้ประกอบกิจการ" หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการที่เป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลจดทะเบียนในประเทศไทยซึ่งมีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน
ข้อ 3. ธปท. จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราไม่เกินร้อยละของจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามประกาศ ธปท.เรื่อง อัตราร้อยละในการเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภายในวงเงินที่ ธปท. จะกำหนดให้แต่ละสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ข้อ 4. ในการให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ธปท. จะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลักษณะ ดังนี้
(1) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินตามแบบหนึ่งที่แนบ
(2) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นผู้ออกและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัล
(3) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยไม่เกินอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดตามประกาศ ธปท. เรื่องอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
(4) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถึงกำหนดใช้เงินไม่เกินวันที่ ธปท. ประกาศให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ตามประกาศ ธปท. เรื่อง ระยะเวลาในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังอาวัลเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
(5) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีจำนวนเงินรวมทุกฉบับไม่เกินวงเงินที่ ธปท.กำหนดให้การสนับสนุนทางการเงินเฉพาะกิจนั้นๆ
ในการนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินข้างต้นให้แก่ ธปท. ให้ใช้หนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินตามแบบหนึ่งที่แนบ
ข้อ 5. สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท. รับซื้อไว้ตามข้อ 4.ได้เป็นงวด ๆ ไม่เกินจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจตกลงให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องเบิกเงินกู้งวดแรกจาก ธปท. ภายในระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่ในหนังสือแจ้งการอนุมัติวงเงินช่วยเหลือจาก ธปท. ยกเว้นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เคยเบิกเงินกู้กับ ธปท. ตามโครงการนี้แล้ว
ทั้งนี้ การเบิกเงินแต่ละงวด สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องแนบรายงานการให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแบบที่แนบไปพร้อมกับตั๋วสัญญาใช้เงินที่จะใช้เบิกเงินด้วย
สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก ธปท. แล้วแต่ยังเบิกเงินไม่ครบเต็มวงเงินตามข้อ 4. ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจสามารถเบิกเงินตามวงเงินที่เหลือได้โดยต้องดำเนินการตามวรรคหนึ่ง
ข้อ 6. ในการขอเบิกเงินแต่ละงวดตามข้อ 5.สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องออกตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลักษณะดังนี้
(1) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินตามแบบสองที่แนบ
(2) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยไม่เกินอัตราที่ลงไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท.รับซื้อไว้ตามข้อ 4.
(3) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถึงกำหนดใช้เงินไม่เกินวันที่ลงไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท. รับซื้อไว้ตามข้อ 4.
(4) จำนวนเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจออกตามข้อ 6. รวมกันแล้วต้องไม่เกินจำนวนเงินในตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท. รับซื้อไว้ตามข้อ 4.
ในการนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินข้างต้นให้แก่ ธปท. ให้ใช้หนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินตามแบบสองที่แนบ
ข้อ 7. สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะคิดดอกเบี้ยในเงินที่ให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการตามโครงการนี้ได้ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดตามประกาศ ธปท. เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ข้อ 8. ธปท. จะนำเงินเข้าบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ ธปท. ในวันที่มีการนำตั๋วสัญญาใช้เงินตามข้อ 6. ไปขอเบิกเงินกับ ธปท. เมื่อ ธปท. นำเงินเข้าบัญชีดังกล่าวให้ถือว่าสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้รับเงินที่ขอเบิกนี้แล้ว
ข้อ 9. การชำระดอกเบี้ยในตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจเบิกเงินตาม ข้อ 6. ให้ชำระในวันที่ถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงินหรือในวันที่มีการชำระหนี้ก่อนวันถึงกำหนดแล้วแต่กรณี
ในกรณีที่วันถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงินตรงกับวันหยุดทำการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันทำการถัดไป โดย ธปท. จะเรียกเก็บดอกเบี้ยจนถึงวันที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจชำระหนี้ดังกล่าว
ข้อ 10. สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องปฏิบัติและยินยอมรับพันธะหน้าที่ ดังนี้
(1) นำเงินที่เบิกไปให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่ละรายไม่เกินจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจตกลงให้กู้แก่ผู้ประกอบกิจการรายนั้นและดูแลให้ผู้ประกอบกิจการนั้นนำเงินไปใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์
(2) ยินยอมให้ ธปท.หักบัญชีเงินฝากที่ดำรงไว้ที่ ธปท. โดยจะจัดให้มีเงินเพียงพอสำหรับหักชำระหนี้ในวันที่ครบกำหนดหรือวันที่ชำระหนี้
(3) เรียกเก็บดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมจากผู้ประกอบกิจการได้ในอัตราไม่เกินอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดตามประกาศ ธปท. เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
(4) ตรวจสอบและรับรองว่ารายละเอียดในรายงานการให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ส่งให้ ธปท. ตามข้อ 5. ถูกต้องตามความเป็นจริง
(5) ในกรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจประสงค์จะขอชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนวันถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องทำหนังสือขอชำระหนี้ตามแบบที่แนบ
(6) เมื่อเจ้าหน้าที่ของ ธปท. ประสงค์จะไปตรวจเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินตามหนังสือนี้ ณ สำนักงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือของผู้ประกอบกิจการ สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องให้ความสะดวกและจัดการให้เป็นไปตามความประสงค์
ข้อ 11. สถาบันการเงินเฉพาะกิจยินยอมให้ ธปท. ดำเนินการ ดังนี้
(1) นำเงินที่ขอเบิกเข้าบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ ธปท.
(2) หักเงินจากบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ ธปท. เพื่อ
ก. ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงิน
ข. ชำระดอกเบี้ย
ค. ชำระหนี้ก่อนวันถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงิน
ง. ชำระค่าเบี้ยปรับ (ถ้ามี)
(3) จัดการจำหน่ายทรัพย์สินอย่างอื่นของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีอยู่ที่ ธปท. รวมทั้งดำเนินการอื่นใดตามที่เห็นสมควรเพื่อให้ได้เงินมาชำระหนี้ทั้งปวงตามหนังสือนี้ หากเงินในบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ ธปท. ไม่มีหรือไม่พอให้หักชำระหนี้
ข้อ 12. ในกรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่งของหนังสือนี้ หรือไม่มีหรือมีเงินในบัญชีเงินฝากที่ ธปท. ไม่พอให้หักชำระหนี้ตามหนังสือนี้ ธปท. จะคิดเบี้ยปรับจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราเบี้ยปรับที่กำหนดตามประกาศ ธปท. เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ข้อ 13. เมื่อปรากฏว่าสถาบันการเงินเฉพาะกิจไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของหนังสือนี้ หรือเมื่อ ธปท. เห็นสมควร ธปท. สงวนสิทธิที่จะไม่ให้เบิกเงินตามหนังสือนี้ หรือจะเรียกให้ชำระหนี้คืนทั้งหมดหรือบางส่วนทันทีก็ได้ รวมทั้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขต่างๆ ตามที่กำหนดในหนังสือนี้
ข้อ 14. ให้หนังสือเวียนตามข้อ 1. ยังคงมีผลบังคับต่อไปจนกว่าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ขายไว้ตามหนังสือเวียนดังกล่าวจะถึงกำหนดชำระเงินโดยสิ้นเชิง
จีงเรียนมาเพื่อทราบ หากสถาบันการเงินเฉพาะกิจตกลงยินยอมตามที่กล่าวข้างต้น ขอให้ทำหนังสือยืนยันตามแบบที่แนบ ส่งให้ ธปท. ต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน รักษาการแทน
ผู้ว่าการ
สิ่งที่ส่งมาด้วย: 1. แบบตั๋วสัญญาใช้เงินและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ระยะเวลาในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
3. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง อัตราร้อยละในการเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
4. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนสินเชื่อ
ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ
สายตลาดการเงิน
โทร. 0-2283-5426, 0-2283-5414-6, 0-2283-5422
หมายเหตุ ไม่จัดประชุมชี้แจง
แบบตั๋วสัญญาใช้เงินและเอกสารที่กี่ยวข้อง
ที่ ชื่อแบบ รายละเอียด/วัตถุประสงค์
1 หนังสือยืนยัน แบบหนังสือที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจยื่นต่อ ธปท.
เพื่อยืนยันว่า ยินดีจะปฏิบัติตามเงื่อนไข
ต่างๆ ตามที่ ธปท. กำหนดไว้ในหนังสือ
2. หนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินแบบหนึ่ง แบบหนังสือที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจยื่นต่อ
ธปท. เพื่อขอขยายตั๋วสัญญาใช้เงินที่มี
กระทรวงการคลังอาวัล
3. ตั๋วสัญญาใช้เงินแบบหนึ่ง เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงิน
เฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัล
4. หนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินแบบสอง แบบหนังสือที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจยื่นต่อ
ธปท. เพื่อขอเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท.
รับซื้อไว้
5. ตั๋วสัญญาใช้เงินแบบสอง เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงิน
เฉพาะกิจเพื่อใช้ในการเบิกเงินจาก ธปท.
6. รายงานการให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบ แบบรายงานแสดงการให้กู้ยืมเงินของสถาบันการ
กิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ เงินเฉพาะกิจแก่ผู้ประกอบกิจการแต่ละราย
ความไม่สงบใน 3 จังหวัด เพื่อประกอบการขอเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน
ชายแดนภาคใต้
7. หนังสือขอชำระหนี้ แบบหนังสือที่ใช้เพื่อชำระเงินคืนแก่ ธปท. ก่อนวัน
ครบกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงิน
(สำเนา)
ประกาศธนาคารแห่งประเทศ
เรื่อง ระยะเวลาในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
---------------------
เพื่ออนุวัตตามหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทย ธปท.ฝกช.(22)ว.1602/2549 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงประกาศให้ทราบทั่วกัน ดังนี้
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลที่มีวันกำหนดใช้เงินไม่เกินวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องแจ้งยืนยันวงเงินที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งวงเงินที่ขอเพิ่ม ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2549
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ลงในหนังสือนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2549
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเถียรภาพสถาบันการเงิน รักษาการแทน
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
(สำเนา)
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง อัตราร้อยละในการเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
-----------------------
เพื่ออนุวัตตามหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.ฝกช.(22)ว.2 1602/2549 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงประกาศให้ทราบทั่วกัน ดังนี้
สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรับซื้อไว้ได้เป็นงวดๆ ตามจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ลงในหนังสือนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2549
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน รักษาการแทน
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
(สำเนา)
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
------------------------
เพื่ออนุวัตตามหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.ฝกช.(22)ว.1602/2549 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงประกาศให้ทราบทั่วกัน ดังนี้
ข้อ 1.ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี และกำหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเรียกเก็บดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมจากผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในอัตราไม่เกินร้อยละ 1.5 ต่อปี
ข้อ 2.ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บเบี้ยปรับจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราร้อยละ 10 ต่อปี ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ลงในหนังสือนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2549
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน รักษาการแทน
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
เรียน ผู้จัดการ
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
ธนาคารออมสิน
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ที่ ธปท.ฝกช.(22)ว. 1602/2549 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นสมควรให้การสนับสนุนทางการเงินอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีพิเศษต่อไปอีก จึงได้ปรับปรุงการให้การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวการณ์ในปัจจุบันยิ่งขึ้น เพื่อบรรเทาภาระทางการเงินสำหรับยอดคงค้างสินเชื่อที่มีอยู่ปัจจุบัน และเพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินการต่อไปได้ จึงเห็นสมควรดำเนินการดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ให้ยกเลิก
(1) หนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.สกง.(04)ว. 634/2548 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงวันที่ 1 เมษายน 2548
(2) หนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.สกง.(04)ว. 1725/2548 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงวันที่ 15 กันยายน 2548
ข้อ 2. ในหนังสือนี้
"ธปท." หมายความว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย
"สถาบันการเงินเฉพาะกิจ" หมายความว่า ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
"กิจการ" หมายความว่า กิจการต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีสถานประกอบการอยู่ในเขตจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส รวมถึงการรับซื้อหรือรับโอนกิจการเพื่อดำเนินธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป
"ผู้ประกอบกิจการ" หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการที่เป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลจดทะเบียนในประเทศไทยซึ่งมีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน
ข้อ 3. ธปท. จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราไม่เกินร้อยละของจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามประกาศ ธปท.เรื่อง อัตราร้อยละในการเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภายในวงเงินที่ ธปท. จะกำหนดให้แต่ละสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ข้อ 4. ในการให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ธปท. จะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลักษณะ ดังนี้
(1) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินตามแบบหนึ่งที่แนบ
(2) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นผู้ออกและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัล
(3) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยไม่เกินอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดตามประกาศ ธปท. เรื่องอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
(4) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถึงกำหนดใช้เงินไม่เกินวันที่ ธปท. ประกาศให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ตามประกาศ ธปท. เรื่อง ระยะเวลาในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังอาวัลเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
(5) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีจำนวนเงินรวมทุกฉบับไม่เกินวงเงินที่ ธปท.กำหนดให้การสนับสนุนทางการเงินเฉพาะกิจนั้นๆ
ในการนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินข้างต้นให้แก่ ธปท. ให้ใช้หนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินตามแบบหนึ่งที่แนบ
ข้อ 5. สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท. รับซื้อไว้ตามข้อ 4.ได้เป็นงวด ๆ ไม่เกินจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจตกลงให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องเบิกเงินกู้งวดแรกจาก ธปท. ภายในระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่ในหนังสือแจ้งการอนุมัติวงเงินช่วยเหลือจาก ธปท. ยกเว้นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เคยเบิกเงินกู้กับ ธปท. ตามโครงการนี้แล้ว
ทั้งนี้ การเบิกเงินแต่ละงวด สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องแนบรายงานการให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแบบที่แนบไปพร้อมกับตั๋วสัญญาใช้เงินที่จะใช้เบิกเงินด้วย
สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก ธปท. แล้วแต่ยังเบิกเงินไม่ครบเต็มวงเงินตามข้อ 4. ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจสามารถเบิกเงินตามวงเงินที่เหลือได้โดยต้องดำเนินการตามวรรคหนึ่ง
ข้อ 6. ในการขอเบิกเงินแต่ละงวดตามข้อ 5.สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องออกตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลักษณะดังนี้
(1) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินตามแบบสองที่แนบ
(2) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยไม่เกินอัตราที่ลงไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท.รับซื้อไว้ตามข้อ 4.
(3) เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ถึงกำหนดใช้เงินไม่เกินวันที่ลงไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท. รับซื้อไว้ตามข้อ 4.
(4) จำนวนเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจออกตามข้อ 6. รวมกันแล้วต้องไม่เกินจำนวนเงินในตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท. รับซื้อไว้ตามข้อ 4.
ในการนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินข้างต้นให้แก่ ธปท. ให้ใช้หนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินตามแบบสองที่แนบ
ข้อ 7. สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะคิดดอกเบี้ยในเงินที่ให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการตามโครงการนี้ได้ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดตามประกาศ ธปท. เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ข้อ 8. ธปท. จะนำเงินเข้าบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ ธปท. ในวันที่มีการนำตั๋วสัญญาใช้เงินตามข้อ 6. ไปขอเบิกเงินกับ ธปท. เมื่อ ธปท. นำเงินเข้าบัญชีดังกล่าวให้ถือว่าสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้รับเงินที่ขอเบิกนี้แล้ว
ข้อ 9. การชำระดอกเบี้ยในตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจเบิกเงินตาม ข้อ 6. ให้ชำระในวันที่ถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงินหรือในวันที่มีการชำระหนี้ก่อนวันถึงกำหนดแล้วแต่กรณี
ในกรณีที่วันถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงินตรงกับวันหยุดทำการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันทำการถัดไป โดย ธปท. จะเรียกเก็บดอกเบี้ยจนถึงวันที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจชำระหนี้ดังกล่าว
ข้อ 10. สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องปฏิบัติและยินยอมรับพันธะหน้าที่ ดังนี้
(1) นำเงินที่เบิกไปให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่ละรายไม่เกินจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจตกลงให้กู้แก่ผู้ประกอบกิจการรายนั้นและดูแลให้ผู้ประกอบกิจการนั้นนำเงินไปใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์
(2) ยินยอมให้ ธปท.หักบัญชีเงินฝากที่ดำรงไว้ที่ ธปท. โดยจะจัดให้มีเงินเพียงพอสำหรับหักชำระหนี้ในวันที่ครบกำหนดหรือวันที่ชำระหนี้
(3) เรียกเก็บดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมจากผู้ประกอบกิจการได้ในอัตราไม่เกินอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดตามประกาศ ธปท. เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
(4) ตรวจสอบและรับรองว่ารายละเอียดในรายงานการให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ส่งให้ ธปท. ตามข้อ 5. ถูกต้องตามความเป็นจริง
(5) ในกรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจประสงค์จะขอชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนวันถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องทำหนังสือขอชำระหนี้ตามแบบที่แนบ
(6) เมื่อเจ้าหน้าที่ของ ธปท. ประสงค์จะไปตรวจเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินตามหนังสือนี้ ณ สำนักงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือของผู้ประกอบกิจการ สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องให้ความสะดวกและจัดการให้เป็นไปตามความประสงค์
ข้อ 11. สถาบันการเงินเฉพาะกิจยินยอมให้ ธปท. ดำเนินการ ดังนี้
(1) นำเงินที่ขอเบิกเข้าบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ ธปท.
(2) หักเงินจากบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ ธปท. เพื่อ
ก. ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงิน
ข. ชำระดอกเบี้ย
ค. ชำระหนี้ก่อนวันถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงิน
ง. ชำระค่าเบี้ยปรับ (ถ้ามี)
(3) จัดการจำหน่ายทรัพย์สินอย่างอื่นของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีอยู่ที่ ธปท. รวมทั้งดำเนินการอื่นใดตามที่เห็นสมควรเพื่อให้ได้เงินมาชำระหนี้ทั้งปวงตามหนังสือนี้ หากเงินในบัญชีเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ ธปท. ไม่มีหรือไม่พอให้หักชำระหนี้
ข้อ 12. ในกรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่งของหนังสือนี้ หรือไม่มีหรือมีเงินในบัญชีเงินฝากที่ ธปท. ไม่พอให้หักชำระหนี้ตามหนังสือนี้ ธปท. จะคิดเบี้ยปรับจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราเบี้ยปรับที่กำหนดตามประกาศ ธปท. เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ข้อ 13. เมื่อปรากฏว่าสถาบันการเงินเฉพาะกิจไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของหนังสือนี้ หรือเมื่อ ธปท. เห็นสมควร ธปท. สงวนสิทธิที่จะไม่ให้เบิกเงินตามหนังสือนี้ หรือจะเรียกให้ชำระหนี้คืนทั้งหมดหรือบางส่วนทันทีก็ได้ รวมทั้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขต่างๆ ตามที่กำหนดในหนังสือนี้
ข้อ 14. ให้หนังสือเวียนตามข้อ 1. ยังคงมีผลบังคับต่อไปจนกว่าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ขายไว้ตามหนังสือเวียนดังกล่าวจะถึงกำหนดชำระเงินโดยสิ้นเชิง
จีงเรียนมาเพื่อทราบ หากสถาบันการเงินเฉพาะกิจตกลงยินยอมตามที่กล่าวข้างต้น ขอให้ทำหนังสือยืนยันตามแบบที่แนบ ส่งให้ ธปท. ต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน รักษาการแทน
ผู้ว่าการ
สิ่งที่ส่งมาด้วย: 1. แบบตั๋วสัญญาใช้เงินและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ระยะเวลาในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
3. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง อัตราร้อยละในการเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
4. ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนสินเชื่อ
ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ
สายตลาดการเงิน
โทร. 0-2283-5426, 0-2283-5414-6, 0-2283-5422
หมายเหตุ ไม่จัดประชุมชี้แจง
แบบตั๋วสัญญาใช้เงินและเอกสารที่กี่ยวข้อง
ที่ ชื่อแบบ รายละเอียด/วัตถุประสงค์
1 หนังสือยืนยัน แบบหนังสือที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจยื่นต่อ ธปท.
เพื่อยืนยันว่า ยินดีจะปฏิบัติตามเงื่อนไข
ต่างๆ ตามที่ ธปท. กำหนดไว้ในหนังสือ
2. หนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินแบบหนึ่ง แบบหนังสือที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจยื่นต่อ
ธปท. เพื่อขอขยายตั๋วสัญญาใช้เงินที่มี
กระทรวงการคลังอาวัล
3. ตั๋วสัญญาใช้เงินแบบหนึ่ง เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงิน
เฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัล
4. หนังสือนำส่งตั๋วสัญญาใช้เงินแบบสอง แบบหนังสือที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจยื่นต่อ
ธปท. เพื่อขอเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธปท.
รับซื้อไว้
5. ตั๋วสัญญาใช้เงินแบบสอง เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงิน
เฉพาะกิจเพื่อใช้ในการเบิกเงินจาก ธปท.
6. รายงานการให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบ แบบรายงานแสดงการให้กู้ยืมเงินของสถาบันการ
กิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ เงินเฉพาะกิจแก่ผู้ประกอบกิจการแต่ละราย
ความไม่สงบใน 3 จังหวัด เพื่อประกอบการขอเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน
ชายแดนภาคใต้
7. หนังสือขอชำระหนี้ แบบหนังสือที่ใช้เพื่อชำระเงินคืนแก่ ธปท. ก่อนวัน
ครบกำหนดใช้เงินในตั๋วสัญญาใช้เงิน
(สำเนา)
ประกาศธนาคารแห่งประเทศ
เรื่อง ระยะเวลาในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
---------------------
เพื่ออนุวัตตามหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทย ธปท.ฝกช.(22)ว.1602/2549 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงประกาศให้ทราบทั่วกัน ดังนี้
ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลที่มีวันกำหนดใช้เงินไม่เกินวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องแจ้งยืนยันวงเงินที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งวงเงินที่ขอเพิ่ม ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2549
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ลงในหนังสือนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2549
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเถียรภาพสถาบันการเงิน รักษาการแทน
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
(สำเนา)
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง อัตราร้อยละในการเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
-----------------------
เพื่ออนุวัตตามหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.ฝกช.(22)ว.2 1602/2549 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงประกาศให้ทราบทั่วกัน ดังนี้
สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรับซื้อไว้ได้เป็นงวดๆ ตามจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ลงในหนังสือนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2549
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน รักษาการแทน
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
(สำเนา)
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง อัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับในการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
------------------------
เพื่ออนุวัตตามหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.ฝกช.(22)ว.1602/2549 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 เรื่อง การสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงประกาศให้ทราบทั่วกัน ดังนี้
ข้อ 1.ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับอาวัลที่มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี และกำหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเรียกเก็บดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมจากผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในอัตราไม่เกินร้อยละ 1.5 ต่อปี
ข้อ 2.ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเรียกเก็บเบี้ยปรับจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราร้อยละ 10 ต่อปี ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ลงในหนังสือนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2549
(นางธาริษา วัฒนเกส)
รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน รักษาการแทน
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย