การกำหนดอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือ จ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนของบริษัทเงินทุน

ข่าวกฏหมายและประกาศ Thursday February 16, 2006 08:20 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

                                                16 กุมภาพันธ์ 2549
เรียน ผู้จัดการ
บริษัทเงินทุนทุกบริษัท
ที่ ฝนส.(21)ว.72/2549 เรื่อง นำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศ เรื่อง การกำหนดอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือ จ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนของบริษัทเงินทุน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ขอนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดอัตรส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนของบริษัทเงินทุน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 และมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 และที่แก้ไขแล้ว ธปท.ออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนของบริษัทเงินทุน ลงวันที่ 19 มกราคม 2549 ด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และได้นำลงใรชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 123 ตอนพิเศษ 20ง ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2549 เป็นต้นไป
สรุปสาระสำคัญของการปรับปรุงประกาศครั้งนี้
1.เพิ่มเติมนิยาม "ก่อภาระผูกพัน" ให้ครอบคลุมถึงการการค้ำประกันการเพิ่มทุนหรือการค้ำประกันในลักาณะอื่นใด เพื่อประโชน์ในการกู้ยืมของบุคคลหนึ่งบุคคลใด และการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน
2.ปรับปรุงวิธีการคำนวณมูลค่าเทียบเท่าที่จะนับเป็นการก่อภาระผูกพันจากสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินจากเดิม 2 วิธี เป็น 4 วิธี คือวิธี Original Exposure และ Current Exposure ทั้งแบบมีNetting Agreement และไม่มี Netting Agreement เพื่อให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติสากลและรองรับธุรกรรมทางการเงินใหม่ๆ
3.กำหนดค่า Credit Conversion Factors สำหรับการคำนวณมูลค่าเทียบเท่าที่จะนับเป็นการก่อภาระผูกพันจากสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินด้านตราสารทุนเพิ่มเติม
4.กำหนดให้บริษัทเงินทุนใช้ผลรวมของ Notional Amount ที่บริษัทเงินทุนจะได้รับในสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์กับบริษัทเงินทุนมากที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้น (Effective Notional Amount) ในการคำนวณมูลค่าเทียบเท่าที่จะนับเป็นการก่อภาระผูกพันจากสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินที่มีการพัฒนาจากอนุพันธ์ทางการเงินพื้นฐานย่อยๆ หรือมีการ Leverage จำนวนเงินตามสัญญาหรือมีการแลกเปลี่ยนจำนวนเงินตามสัญญาหลายครั้ง
5.กำหนดคุณลักษณะของข้อตกลงรับประกันความเสี่ยงด้านเครดิตที่เข้าข่ายการประกันความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพที่เข้าข่ายได้รับการลดหย่อนในเรื่องลูกหนี้รายใหญ่
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ขอแสดงความนับถือ
(นางทองอุไร ลิ้มปิติ)
ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน
ผู้ว่าการ แทน
สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุนหรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนของบริษัทเงินทุน
ฝ่ายนโยบายความเสี่ยง
สอบถามข้อ 1 โทร.0-2283-5304, 0-2283-5303
สอบถามข้อ 2-5 โทร.0-2283-5307, 0-2283-6820
หมายเหตุ [X
] ธนาคารจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงเฉพาะในเรื่องการคำนวณมูลค่าเทียบท่าที่จะนับเป็นการก่อภาระผูกพันจากสัญญษอนุพันธ์
ทางการ เงินในวันที่ 15 มีนาคม 2549 เวลา 10.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมอาคาร 3 ชั้น 7 ธนาคารแห่งประเทศไทย
(บริษัทเงินโปรดแจ้งรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุม ตำแหน่ง และเบอร์ติดต่อ บริษัทละ 2 ท่าน มาที่ศูนย์บริหารข้อมูล สายนโยบาย
สถาบันการเงิน ทางโทรสารหมาเลข 0-2356-7504 หรือ โทรศัพท์หมายเลข 0-2356-7791 ภายในวันที่ 10 มีนาคม 2549)
[
] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง
ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย
เรื่อง การกำหนดอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือ
จ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนของบริษัทเงินทุน
1.เหตุผลในการออกประกาศ
เพื่อกำหนดแนวทางการกำกับให้บริษัทเงินทุนมีการให้กู้ยืมเงิน ลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดด้วยความรัดกุม มีระบบการประเมิน บริหารและควบคุมความเสี่ยงที่เกิดจากธุรกรรมดังกล่าวที่มีประสิทธิภาพ และปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลการคำนวณภาระผูกพันสำหรับการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินให้รองรับพัฒนาการตลาดการเงิน
2.อำนาจตามกฎหมาย
ธนาคารแห่งประเทศไทยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 และมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 ที่แก้ไขแล้ว ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือ
จ่ายเงิน ตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งกับเงินกองทุนของบริษัทเงินทุนด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามที่กำหนดในประกาศฉบับนี้
3.ขอบเขตการบังคับใช้
ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับบริษัทเงินทุนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ทุกบริษัท
4.เนื้อหา
4.1 ให้ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนของบริษัทเงินทุน ลงวันที่ 29 เมษายน 2546
4.2 ในประกาศนี้
(1)"เงินกองทุน"หมายความว่า เงินกองทุนตาม(1)(2)(3)(4)(5) และ(6) ของบทนิยามคำว่า "เงินกองทุน"ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 ที่แก้ไขแล้ว ทั้งนี้ ให้หักเงินตามตราสารใน(6)ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนอื่นที่บริษัทเงินทุนนั้นถือไว้และสินทรัพย์อื่น ใดตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
เงินกองทุนตาม (1)(2)(3) และ(4) ไม่รวมถึงเงินที่บริษัทเงินทุนได้รับเนื่องจากการออกหุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสมเงินปันผล และให้หักผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในทุกงวดการบัญชีออกก่อนและหักค่าแห่งกู๊ดวิลล์ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ทั้งนี้
ให้รวมเรียกว่าเงินกองทุนชั้นที่ 1
(2)"ก่อภาระผูกพัน"หมายความว่า รับรอง รับอาวัล หรือสอดเข้าแก้หน้าในตั๋วเงิน สลักหลังตั๋วเงินที่ผู้รับสลักหลังมีสิทธิไล่เบี้ย ค้ำประกันการกู้ยืมเงิน หรือค้ำประกันการขายขายลด หรือขายช่วงลดตั๋วเงิน การค้ำประกันการเพิ่มทุนหรือการค้ำประกันในลักษณะอื่นใด
เพื่อประโยชน์ในการกู้ยืมเงินของบุคคลหนึ่งบุคคลใด การรับประกันการจำหน่ายตราสารแสดงสิทธิในหนี้แบบรับประกันทั้งจำนวน (Firm Underwrite) และการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน ได้แก่อนุพันธ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยน อนุพันธ์ด้านอัตราดอกเบี้ย อนุพันธ์ด้านตราสารทุน และอนุพันธ์ด้านเครดิต (Credit Derivatives) รายละเอียดตามเอกสารแนบ 1 ทั้งนี้ การทำธุรกรรมอนุพันธ์ทางการเงินดังกล่าว จะต้องเป็นธุรกรรมที่กระทำเพื่อป้องกันความเสี่ยงของบริษัทเงินทุนเท่านั้น
(3)"ตั๋วเงินที่มีคุณภาพ"หมายความว่า
(3.1) ตั๋วแลกเงินที่ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุนอื่นรับรอง หรือรับอาวัล
(3.2) ตั๋วแลกเงินที่บริษัทเงินทุนอื่นเป็นผู้สั่งจ่ายเพื่อจัดหาเงินทุนจากประชาชน
(3.3) ตั๋วแลกเงินหรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่สั่งจ่ายหรือออกโดยบริษัท ซึ่งได้รับการจัด
อันดับความน่าเชื่อถือ ตั้งแต่ระดับ AA ขึ้นไป หรือตั๋วแลกเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ระดับ AA ขึ้นไป โดยสถาบันจึดอันดับความน่าเชื่อถือซึ่งได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
4.3 อัตราส่วนการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพัน หรือจ่ายเงินตามภระผูกพัน
เพื่อบุคคลเหนึ่งบุคคลใดต่อเงินทุน
การให้กู้ยืมเกินเหรือลงทุนในกิจการของผู้อื่นหรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดของบริษัทเงินทุนต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดหรืออัตราส่วนกับเงินกองทุนชั่นที่ 1 ของบริษัทเงินทุน หักด้วยจำนวนเงินตามสัญญาการทำธุรกรรม Credit Derivatives ที่บริษัทเงินทุนซื้อประกันความเสี่ยงด้านเครดิตของสินทรัพย์อ้างอิงจากบุคคลนั้น โดยไม่ได้รับเงินสดเป็นประกันการรับประกันความเสี่ยงดังกล่าวดังต่อไปนี้ แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า
(1) จำนวนเงินที่บริษัทเงินทุนให้กู้ยืมเงินแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือลงทุนในกิจการของบุคคลนั้นรวมกันเมื่อสิ้นวันหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกินร้อยละ 25
(2) จำนวนเงินที่บริษัทเงินทุนก่อภาระผูกพันะหรือจ่ายไปตามำระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดร่วมกันเมื่อสิ้นวันหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกินร้อยละ 25
(3) จำนวนเงินที่บริษัทเงินทุนให้กู้ยืมเงินแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือลงทุนในกิจการของบุคคลนั้นตาม (1)และ ก่อภาระผูกพัน หรือจ่ายไปตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลนั้น ตาม (2) รวมกันเมื่อสิ้นวันหนึ่งๆ ต้องไม่เกินร้อยละ 35
ให้บริษัทเงินทุนถือปฏิบัติเกี่ยวกับการคำนวณภาระผูกพันสำหรับการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน ตามรายละเอียดในเอกสารแนบท้ายประกาศฉบับนี้ (เอกสารแนบ 2)
4.4 การนับลูกหนี้ตั๋วเงิน
การให้กู้ยืมเงิน โดยวิธีการรับซื้อ ซื้อลด หรือรับช่วงซื้อลดตั๋วเงินให้ถือเป็นการให้กู้ยืมเงินแก่บุคคลดังกล่าวต่อไปนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับการให้กู้ยืมเงินหรือลงทุนกรณีอื่นๆ แล้วต้องไม่เกินอัตราส่วนตามที่กำหนดไว้ในข้อ 4.3 ด้วย
(1) กรณีที่เป็นตั๋วแลกเงินที่มีธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุนอื่นนั้นรับรอง หรือ รับอาวัล ให้นับธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนอื่นทุกรายที่รับรองและรับอาวัลตั๋วเงินที่มีคุณภาพเป็นลูกหนี้
(2) กรณีเป็นตั๋วเงินที่มีคุณภาพที่ไม่มีธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุนอื่นรับรอง หรือรับอาวัล ให้นับผู้สั่งจ่ายหรือผู้ออกตั๋วเงินที่มีคุณภาพเป็นลูกหนี้
(3) กรณีตั๋วเงินนั้นไม่ใช่ตั๋วเงินที่มีคุณภาพ ให้นับผู้ทรงซึ่งขายตั๋วเงินและบุคคลซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วเงินเป็นลูกหนี้
4.5 ข้อยกเว้นในการคำนวณการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพัน
การคำนวณการให้กู้ยืมเงิน หรือลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันตามความใน 4.3 ไม่หในบรวมถึงรายการที่กำหนดในเอกสารแนบท้ายประกาศฉบับนี้ (เอกสารแนบ3)
4.6 คุณลักษณะของข้อตกลงรับประกันความเสี่ยงด้านเครดิตที่เข้าข่ายการประกันความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อตกลงรับประกันความเสี่ยงด้านเครดิตที่จะเข้าข่ายเป็นการประกันความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับการลดหย่อนการกำกับดูแลเกี่ยวกับอัตราส่วนการให้กู้ยืม ลงทุนหรือก่อภาระผูกพัน หรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนจะต้องมีคุณลักษณะทุขข้อตามเอกสารแนบ 4
4.7 ประกาศนี้ให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2549 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 19 มกราคม 2549
(ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล)
ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
เอกสารแนบ1
สัญญาอนุพันธ์ทางการเงินประเภทต่างๆ
"อนุพันธ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยน"ได้แก่ สัญญาดังต่อไปนี้
(1) Foreign Exchange Forward Contracts
(2) Foreign Exchange Futures
(3) Currency Options Purchase
(4) Cross Currency Interest Rate Swaps
(5) อนุพันธ์ทางการเงินอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน
"อนุพันธ์ด้านอัตราดอกเบี้ย" ได้แก่ สัญญาดังต่อไปนี้
(1) Forward Rate Agreements
(2) Interest Rate Futures
(3) Interest Rate Options Purchase
(4) Interest Rate Swaps
(5) อนุพันธ์ทางการเงินอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน
"อนุพันธ์ด้านตราสารทุน"ได้แก่ สัญญาดังต่อไป
(1) Equity Index Futures
(2) Equity Index Options Purchase
(3) อนุพันธ์ทางการเงินอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน
"อนุพันธ์ด้านเครดิต"ได้แก่ สัญญาดังต่อไปนี้
(1) Crdit Default Swaps
(2) สัญญาอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน
เอกสารแนบ2
วิธีการคำนวณภาระผูกพันสำหรับการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน
(ก)ให้บริษัทเงินทุนใช้วิธีการคำนวณแบบ Current Exposure ในการคำนวณภาระผูกพันสำหรับการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินกับคู่สัญญาทุกราย ยกเว้นคู่สัญญาที่ทำเฉพาะสัญญาอนุพันธ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยน หรือนุพันธ์ด้านอัตราดอกเบี้ย บริษัทเงินทุนอาจเลือกใช้วิธีการคำนวณภาระผูกพันดังกล่าว แบบ Original Exposure ก็ได้
(ข)ในกรณีที่บริษัทเงินทุนได้มีการลงนามในสัญญาที่ยินยอมให้หักกลบลบหนี้ระหว่างกัน (Netting Agreement) ที่มีเงื่อนไขครบถ้วน สามารถเลือกใช้วิธีการคำนวณภาระผูกพันสำหรับการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินแบบมี Netting ได้ ทั้งนี้ สัญญาที่ยินยอมให้หักกลบลบหนี้ระหว่างกัน (Netting Agreement) ที่มีเงื่อนไขครบถ้วน ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
(1) เป็นสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย และเป็นสัญญษ Master Agreement ที่ครอบคลุมถึงสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินทุกสัญญาที่บริษัทเงินทุนทำกับคู่ค้ารายนั้น ๆ
(2) ในกรณีที่มีคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดนัดชำระหนี้ (Default) ล้มละลาย เลิกกิจการหรือเหตุอื่นในทำนองเดียวกัน สัญญาหักกลบลบหนี้จะต้องกำหนดให้บริษัทเงินทุนต้องชำระหนี้ให้กับคู่ค้า หรือรับชำระหนี้จากคู่ค้าเป็นยอดรวมสุทธิเพียงยอดเดียว (Single Legal Obligation) โดยยอดรวมสุทธิดังกล่าวเป็นผลรวมสุทธิของยอดกำไรและขาดทุนที่ได้จากการวัดมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ของสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินที่บริษัทเงินทุนทำกับคู่ค้าทุกสัญญา
(3) ที่ปรึกษากฎหมายอิสระได้ให้ความเห็นชอบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าการหักกลบลบหนี้ตาม (2) สามารถกระทำได้ โดยไม่ขัดกับ
(3.1) กฎหมายของประเทศที่สำนักงานใหญ่ของนิติบุคลซึ่งเป็นคู่สัญญานั้นตั้งอยู่นอกจากนี้ หากคู่สัญญาเป็นสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ การหักกลบลบหนี้จะต้องไม่ขัดกับกฎหมายที่สาขาของนิติบุคคลนั้นตั้งอยู่ด้วย
(3.2) กฎหมายที่ไช้บังคับกับการทำธุรกรรมนั้น ๆ และกฎหมายอื่นๆ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการหักกลบลบหนี้
(4) ไม่มีเงื่อนไขที่มีผลบังคับให้คู่สัญญาฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญาจะต้องชำระหนี้ในวงเงินจำกัด หรือไม่ต้องชำระหนี้ให้กับคู่สัญญาฝ่ายที่ผิดสัญญา หากคู่สัญญาฝ่ายที่ผิดสัญญามีฐานะเป็นเจ้าหนี้สุทธิ หลังการหักกลบลบหนี้ (Walkaway Clause)
ค. วิธีการคำนวณภาระผูกพันที่กำหนด สามารถสรุปได้ตามตาราง ดังนี้
กรณีไม่มี Netting Agreement กรณีมี Netting Agreement
หรือเงื่อนไข่ไม่ครบถ้วน ที่มีเงื่อนไขครบถ้วน
Current Exposure CEA=CCE+PFCE gross CEA=NCCE+PFCE Net
Original Exposur CEA=Notional Amount*CCF ตาราง2 CEA=Notional Amount*CCF ตาราง2
โดยที่
(1)CEA (Credit Equivalent Amount) คือ มูลค่าเทียบเท่าที่จะนับเป็นการ"ก่อภาระผูกพัน"จากสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน
(2)Notional Amount คือ จำนวนเงินตามสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน ทั้งนี้ สำหรับสัญญาสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินซึ่งมีการพัฒนาจากสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินพื้นฐานย่อยๆ หรือมีการ Leverage
จำนวนเงินตามสัญญาหรือมีการแลกเปลี่ยนจำนวนเงินตามสัญญาหลายครั้ง (Structrued Product) ให้
บริษัทเงินทุนใช้ผลรวมของ Notional Amount ของทุกธุรกรรมย่อยที่ใช้คำนวณจำนวนเงินที่จะได้รับในสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์กับบริษัทเงินทุนมากที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้น (Effective Notional Amount) แทนจำนวนเงินตามสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน (Notional Amount)
(3)CCF(Credit Conversion Factor) คือ ค่าแปลงสภาพตามที่กำหนดไว้ในตารางที่1 และตารางที่ 2 โดยการเลือกใช้ค่า CCF ตามตารางใดให้ดูตามคำอธิบายที่กำหนดในแต่ละวิธี
(4)CCE(Current Credit Exposure) คือ ผลรวมด้านกำไรที่ได้จากการวัดมูลค่ายุติธรรม ในปัจจุบัน ของการทำอนุพันธ์ทางการเงินทุกสัญญาที่บริษัทเงินทุนทำกับคู่ค้ารายเดียวกัน
(5)PFCE gross(Potential Future Credit Exposure:PFCE Gross)คือ ผลรวมของการวัดมูลค่าความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเท่ากับผลรวมของการนำ Notional Amount ของทุกสัญญาที่ทำกับคู่ค้ารายเดียวกันไปคุณด้วยค่าแปลงสภาพ (Credit Conversion Factor)ที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ในตรารางที่1
(6)NCCE(Net Current Credit Exposure) คือ ยอดรวมสุทธิของกำไรและขาดทุนที่ได้จากการวัดมูลค่ายุติธรรมของสัญญาอนุพันธ์ทารการเงินทุกสัญญาที่บริษัทเงินทุนทำกับคู่ค้ารายเดียวกันทั้งนี้ หากยอดรวมสุทธิดังกล่าวออกมามีค่าเป็นลบหรือศูนย์ Net Current Credit Exposure จะมีมูลค่า
(7)PFCE Net(Potential Future Credit Exposure for Netted Transaction:PFCE Net) คือ ผลรวมของการวัดมูลค่าความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับกรณีที่มี Netting Agreement
ซึ่งกำหนดให้ PFCE Net มีค่าดังนี้
PFCE Net=0.4*PFCE Groos+0.6*NGR*PFCE Gross
โดย NGR (Net to gross ratio) คือ อัตราส่วนระหว่าง NCCE ซึ่งคำนวณตาม(6)หารด้วย CCE ซึ่งคำนวณตาม(4)โดยบริษัทเงินทุนสามารถเลือกคำนวณ NGR ได้ 2 วิธี ดังนี้
(7.1)การคำนวณค่า NGR สำหรับคู่สัญญาแต่ละราย (Counterparty by Counterparty Approach) โดยใช้ค่า NCCE individual และ CCE individual ที่คำนวณจากสัญญาอนุพันธ์ทางการเงินทุกสัญญาที่มีการลงนามในสัญญาที่ยินยอมให้หักกลบลบหนี้ระหว่างกัน (Netting Agreement) ที่มีเงื่อนไขครบถ้วน ที่บริษัทเงินทุนทำกับคู่ค้ารายนั้นๆ
(7.2)การคำนวณหาค่า NGR สำหรับคู่สัญญาทุกราย (Aggregate Approach) โดยใช้ค่า NCCE Aggregate และ CCE Aggregate ที่คำนวณจากผลรวมของ NCCE IndividualและCCE Individual
ของคู่สัญญาทุกรายที่บริษัทเงินทุนมีการลงนามในสัญญาที่ยินยอมให้หักกลบลบหนี้ระหว่างกัน(Netting Agreement) ที่มีเงื่อนไขครบถ้วนโดยบริษัทเงินทุนจะต้องใช้ค่า NGR ที่หาจากวิธีนี้ในการคำนวณ PFCE Net
สำหรับคู่สัญญาทุกราย
(8)สำหรับกรณีที่คู่ค้ารายเดียวกันทำสัญญาซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า(Foreign Exchange Forward Contracts) หรือสัญญาอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ซึ่งมีจำนวนเงินตามสัญญาเท่ากับกระแสเงินสดที่ต้องรับและจ่ายกันจริง ทั้งด้านซื้อและด้านขาย บริษัทเงินทุนสามารถนำสัญญาที่เป็นรายการตรงกันข้ามกัน มีวันครบกำหนดวันเดียวกัน (Same Maturity Date) และสกุลเงินเดียวกัน(Same Currency Pair) มาหักกลบลบกันได้ หากคู่สัญญาได้ทำสัญญาได้ทำสัญญาที่ระบุว่าให้สามารถหักกลบลบหนี้ได้ตามกฎหมาย ดังนี้
(8.1)สำหรับบริษัทเงินทุนที่ใช้วิธีการคำนวณแบบ Current Exposure: ให้คูณ Notional Amount ทั้งด้านซื้อและด้านขายที่ครบกำหนดวันเดียวกันด้วยค่าแปลงสภาพ(Credit Conversion Factor) ในตารางที่1 แล้วจึงนำผลคูณที่ได้มาหักกลบลบกัน โดยส่วนต่างที่ได้รับนั้นก็คือ ค่าPFCE Gross หรือ PFCE Net สำหรับสัญญาที่กล่าว
(8.2)สำหรับบริษัทเงินทุนที่ใช้วิธีการคำนวณแบบ Original Exposure: ให้คูณ Notional Amount ทั้งด้านซื้อและด้านขายที่ครบกำหนดวันเดียวกันด้วยค่าแปลงสภาพของกรณีไม่มี Netting Agreement ในตารางที่ 2 แล้วจึงนำผลคูณที่ได้มาหักกลบกัน โดยส่วนต่างที่ได้รับนั้นก็คือ CEA(Credit Equivalent Amount) สำหรับสัญญาที่กล่าว
ตารางที่ 1 Credit Conversion Factor สำหรับการทำอนุพันธ์ทางการเงิน
กรณีที่บริษัทเงินทุนใช้วิธีการคำนวณแบบ Current Exposure
อายุที่เหลือของสัญญา1/ อนุพันธ์ด้าน อนุพันธ์ด้าน อนุพันธ์ด้าน
อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย ตราสารทุน
ไม่เกิน 14 วัน 0 0 0.06
ไม่เกิน 1 ปี 0.01 0 0.06
เกิน 1 ปี-5 ปี 0.05 0.005 0.08
เกิน 5 ปี ขึ้นไป 0.075 0.015 0.10
1/สำหรับสัญญาที่มีการรับหรือจ่ายชำระเงินกัน ณ วันที่ที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยมีการปรับอัตรา
อ้างอิงซึ่งมีผลให้สัญญากลับไปมีมูลค่าตลาดเท่ากับศูนย์ อายุที่เหลือของสัญญาในกรณีนี้หมายถึง ระยะเวลาคงเหลือก่อนการปรับอัตราอ้างอิงครั้งต่อไป
ตารางที่ 2 Credit Conversion Factor สำหรับสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนและสัญญาอัตราดอกเบี้ย
กรณีที่บริษัทเงินทุนเลือกใช้วิธีการคำนวณแบบ Original Exposure
กรณีไม่มี Netting Agreement กรณีมี Netting Agreement
หรือเงื่อนไขไม่ครบถ้วน ที่มีเงื่อนไขครบถ้วน
อายุสัญญา สัญญาอัตรา สัญญาอัตรา สัญญาอัตรา สัญญาอัตรา
แลกเปลี่ยน ดอกเบี้ย แลกเปลี่ยน ดอกเบี้ย
ไม่เกิน14วัน 0 0 0 0
ไม่เกิน1ปี 0.02 0.005 0.015 0.0035
เกิน1ปี-2ปี 0.05 0.01 0.0375 0.0075
สำหรับทุกๆ1ปีที่เพิ่มขึ้น 0.03 0.01 0.0225 0.0075
เอกสารแนบ3
ข้อยกเว้นในการรวมคำนวณการให้กู้ยืมเงิน ลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพัน
(1)ให้กู้ยืมหรือลงทุนโดยการซื้อหลักทรัพย์หรือตราสารหนี้ดังต่อไปนี้
(ก)หลักทรัพย์รัฐบาลไทย หรือตราสารแสดงสิทธในหนี้ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง
(ข)หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย
(ค)หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่ออกโดยองค์การของรัฐ หรือนิติบุคคลที่มี
กฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น
(2)ให้กู้ยืมเงิน รับอรงตั๋วเงิน รับอาวัลตั๋วเงิน ค้ำประกัน หรือก่อภาระผูกพันอื่นใด โดยมีหลักทรัพย์
หรือตราสารดังต่อไปนี้เป็นประกัน
(ก)หลักทรัพย์รัฐบาลไทย หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่ออกโดยกระทรงการคล้ง
(ข)หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย
(ค)หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่ออกโดยองค์การของรัฐ หรือนิติบุคคลที่มี
กฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น
การคำนวณราคาของหลักประกันตาม (2) ให้ถือตามราคาดังนี้
(1)กรณีหลักทรัพย์รัฐบาลไทยต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ตราไว้
(2)กรณีหุ้นกู้ พันธบัตร หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ประเภทระบุอัตราดอกเบี้ย ต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ตราไว้
(3)กรณีหุ้นกู้ พันธบัตร หรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ประเภทไม่ระบุอัตราดอกเบี้ย ต้องไม่เกินร้อยละ 60 ของจำนวนเงินที่ตราไว้
(3)การให้กู้ยืมเงิน ลงทุนโดยซื้อตราสารแสดงสิทธิในหนี้ หรือก่อภาระผูกพันโดยมีบุคคลอื่นทำข้อตกลงกับบริษัทเงินทุนนั้นว่า บุคคลอื่นนั้นจะรับความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit risk) ในกรณีที่บริษัทเงินทุนไม่ได้รับชำระเงินคืนหรือกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่กำหนดขึ้นเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้(Credit event) กับผู้กู้ยืม ผู้ออกตราสารแสดงสิทธิในหนี้ หรือคู่สัญญาตามภาระผูกพันอ้างอิง ทั้งนี้ไม่เกิดกว่ามูลค่าความเสียหาที่ผู้รับประกันตกลงจะรับชดเชยให้ภายใต้ข้อตกลงรับประกันความเสี่ยงด้านเครดิต หรือไม่เกินจำนวนเงินที่มีสิทธิหักกลบลบหนี้กับผู้รับความเสี่ยงนั้น หรือไม่เกินมูลค่าตลาดของหลักทรัพย์รัฐบาลไทยที่นำมาวางเป็นประกันการรับประกันความเสี่ยงของผู้รับประกัน เว้นแต่กรณีที่ข้อตกลงรับประกันความเสี่ยงด้านเครดิตไม่เข้าข่ายเป็นการรับประกันความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างมีประสิทธิภาพ ให้หารือ ธปท. เกี่ยวกับวิธีการคำนวณอัตราส่วนการให้กู้ยืม ลงทุน หรือก่อภาระผูกพันหรือจ่ายเงินตามภาระผูกพันเพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดกับเงินกองทุนต่อไป
(ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ