การผ่อนคลายระเบียบการลงทุนในต่างประเทศ การทำธุรกรรมอนุพันธ์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและการประกอบธุรกิจศูนย์บริหารเงิน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 23, 2010 14:55 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 6/2553

ดร.บัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)แถลงว่า ตามที่ ธปท. ได้ผ่อนคลายระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 ให้บุคคลและนิติบุคคลไทยลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ และลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทย โดยล่าสุดในเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาได้ผ่อนคลายให้ผู้นำเข้าส่งออกบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้คล่องตัวมากขึ้น

ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงเห็นสมควรผ่อนคลายระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติมในเรื่องการลงทุนในต่างประเทศ การทำธุรกรรมอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการประกอบธุรกิจศูนย์บริหารเงิน สรุปสาระสำคัญดังนี้

1. การลงทุนในต่างประเทศ ขยายวงเงินลงทุนโดยตรงในต่างประเทศโดยให้นิติบุคคลสามารถลงทุนโดยตรงในต่างประเทศได้ไม่จำกัดจำนวน และขยายวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ ในต่างประเทศจากที่เคยอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) จัดสรร 30,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็น 50,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสมดุลของเงินทุนเคลื่อนย้าย และช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้ภาคธุรกิจและบุคคลธรรมดา รวมทั้งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจไทย

2. การทำธุรกรรมอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยง ผ่อนผันให้ผู้นำเข้าส่งออกสามารถยกเลิกธุรกรรมอนุพันธ์ที่ทำขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนค่าสินค้าและบริการได้ทุกกรณี

การผ่อนคลายดังกล่าวเพื่อให้ผู้นำเข้าส่งออกมีความคล่องตัวในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และสนับสนุนให้ภาคธุรกิจมีความสามารถในการบริหารความเสี่ยงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดเงินตราต่างประเทศให้สามารถสะท้อนปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานของเงินตราต่างประเทศมากขึ้น

3. การประกอบธุรกิจศูนย์บริหารเงิน ผ่อนคลายคุณสมบัติของผู้ขอจัดตั้งศูนย์บริหารเงินและหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจศูนย์บริหารเงินเพื่อบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศให้แก่บริษัทในเครือ เช่น อนุญาตให้ใช้นิติบุคคลเดิมประกอบธุรกิจศูนย์บริหารเงินได้ โดยไม่จำเป็น ต้องจัดตั้งบริษัทใหม่ อนุญาตให้ศูนย์บริหารเงินสามารถโอนเงินตราต่างประเทศกับบริษัทในเครือ ในประเทศไทย เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้บริษัทข้ามชาติที่มีฐานการผลิตในไทยย้ายการบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศเข้ามาอยู่ใน ประเทศไทย และสนับสนุนให้ใช้ประเทศไทยเป็น Regional Operating Headquarter ตามนโยบายภาครัฐ นอกจากนี้ ยังช่วยให้มีการพัฒนาบุคคลากรด้านการบริหารเงินด้วย

4. การผ่อนคลายระเบียบอื่นๆ ขยายวงเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศจาก 5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็น 10 ล้านดอลลาร์ สรอ. และอนุญาตให้บริษัทในไทยให้กู้แก่บริษัทในต่างประเทศที่ไม่ใช่บริษัทในเครือได้ไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากเดิมที่ต้องขออนุญาตเป็น รายกรณี รวมทั้งขยายวงเงินในการนำเงินบาทแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราต่างประเทศเพื่อฝากเข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศที่เปิดกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศด้วย

ทั้งนี้ การอนุญาตให้ยกเลิกธุรกรรมอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนกรณี ค่าสินค้าและบริการ และการขยายวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศที่อนุมัติให้ กลต.จัดสรร ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553 สำหรับมาตรการผ่อนคลายอื่นๆ ตามที่กล่าวข้างต้น กระทรวงการคลังและ ธปท. ได้เห็นชอบในหลักการร่วมกันแล้ว โดยขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาออกประกาศกระทรวงการคลัง และคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ได้ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2553

ผู้สนใจสามารถเรียกดูหนังสือเวียนที่เกี่ยวกับการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การทำธุรกรรมอนุพันธ์ได้จาก Website ของ ธปท. ที่ www.bot.or.th ภายใต้หัวข้อ “เรื่องเด่น” และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 0-2356-7799

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ