รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน ตุลาคม 2553

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 7, 2010 11:44 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ปัญหาอุทกภัยส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคม 2553 จำนวน 1,921 ราย ปรากฏว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยรวมของทั้งประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จาก 24.6 เป็น 25.9 ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในระดับต่ำ รวมทั้งยังระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยสะท้อนได้จากค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 50 โดยประชาชนยังคงมีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศ เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมา ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 18.0 เป็น 25.9 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันพบว่ามีการปรับตัวลดลงจาก 16.2 เป็น 15.6 เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายเป็นวงกว้าง

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3เดือน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 30.1 เป็น 32.8 แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความคาดหวังที่ดีขึ้นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มเติบโตขึ้น เช่น จีน และอินเดีย

เมื่อพิจารณาราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศของเดือนตุลาคม 2553 พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน(แก๊สโซฮอล์ 95) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาลิตรละ 30.64 บาท เป็น 31.84 บาท ส่วนน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาลิตรละ 26.59 บาท เป็น 27.59 บาท

เมื่อพิจารณาสัดส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรากฏว่าในเดือนตุลาคม 2553
  • สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันผู้บริโภครู้สึกว่า “ดีขึ้น” ร้อยละ 14.2 “ไม่ดี” ร้อยละ 60.6
  • สถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 23.2 “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 37.2
  • ภาวการณ์หางานทำในปัจจุบันประเมินว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 9.3 “หางานยาก” ร้อยละ 67.0
  • ภาวการณ์หางานทำในอนาคตคาดว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 9.7 “หางานยาก” ร้อยละ 59.7
  • รายได้ในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 20.7 และ “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 24.3

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2553 ปรากฏว่า ประชาชนในทุกภาคยังขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อการบริโภคโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น (เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา) คือ กรุงเทพฯ/ปริมณฑล จาก 15.0 เป็น 24.5 ภาคตะวันออก จาก 19.0 เป็น 20.1 และภาคใต้ จาก 35.9 เป็น 40.3 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลมาจากความต้องการในตลาดโลกสูงขึ้นและปัญหาอุทกภัยทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง

ส่วนภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง คือภาคกลาง จาก 18.6 เป็น 16.5 ภาคเหนือ จาก 27.3 เป็น 23.2 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก 28.7 เป็น 27.0 เนื่องจากปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ อาหารการกิน และสุขอนามัย รวมทั้งทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

ปัญหาที่ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไข เป็นดังนี้
                                                                                   หน่วย:ร้อยละ
     พื้นที่          ราคาสินค้า   ราคาน้ำมัน   การว่างงาน   ค่าครองชีพ   เศรษฐกิจทั่วไป   คอรัปชั่น   ยาเสพติด
ประเทศไทย            16.4      15.5       12.1       13.3          12.0        8.1      6.2
กรุงเทพฯ/ปริมณฑล       15.3      13.6       12.8       14.2          11.4        9.8      6.7
ภาคกลาง              17.0      16.6       11.5       15.0          12.5        7.7      5.6
ภาคเหนือ              16.5      16.1       11.7       11.4          12.6        6.4      5.7
ภาคตะวันออก           14.4      18.1        8.7       15.6          13.5        7.8      2.5
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   17.2      16.1       12.4       13.0          11.0        9.4      6.4
ภาคใต้                17.6      16.4       12.3       12.8          12.9        5.8      7.4

ผู้บริโภคในทุกพื้นที่ ต้องการให้แก้ไขปัญหา ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ การว่างงาน เศรษฐกิจทั่วไป คอรัปชั่น และยาเสพติด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังนี้

กรุงเทพฯ/ปริมณฑล ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ค่าครองชีพและราคาน้ำมัน

ภาคกลาง ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและเศรษฐกิจทั่วไป

ภาคตะวันออก ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ค่าครองชีพและราคาสินค้า

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคใต้ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและเศรษฐกิจทั่วไป

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

1. หามาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และปรับค่าจ้างและค่าแรงขั้นต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย

2. ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และโรคระบาด ผลผลิตที่ได้รับความเสียหาย หามาตรการและแนวทางการป้องกันภาวะภัยธรรมชาติในระยะยาว รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำภาคการเกษตร

3. ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้นอกระบบ/ ผู้มีอิทธิพลเถื่อน และปัญหาการคอรัปชั่น

4. ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

5. แก้ไขปัญหาชุมชนระดับรากหญ้า ปัญหาปากท้องของประชาชน และสวัสดิการผู้สูงอายุ

---------------------------------------

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
การอ่านค่าดัชนี

ระดับของค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดยมีเกณฑ์การอ่านค่า ดังนี้

  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 100 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ดี”
  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 0 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ไม่ดี”
ภาคผนวก

1. การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสะท้อนอำนาจการซื้อของประชาชนในประเทศ ซึ่งพิจารณาจากรายได้ที่แต่ละบุคคลได้รับ โดยใช้หลักการแบ่งกลุ่มอาชีพเป็นการกำหนดรายได้ของประชากรซึ่งใช้ข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มอาชีพดังนี้ ผู้ที่ไม่ได้ทำงาน กำลังศึกษา เกษตรกร รับจ้างรายวัน/รับจ้าง พนักงานเอกชนนักธุรกิจ และข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ

2. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อสะท้อนให้เห็นอำนาจซื้อที่เกิดขึ้นจริงของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา ใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า สำหรับเป็นแนวทางในการวางแผนและนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชน

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-6553 Fax.0-2507-5806 www.price.moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ