ไตรมาส 1/2554 การส่งออกยังคงมีแนวโน้มดี
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 222 ราย คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 1/2554(มกราคม — มีนาคม) ภาวะการส่งออกและความสามารถในการแข่งขันมีแนวโน้มที่ดี โดย ดัชนี มีค่า 61.0 และ 59.5 ตามลำดับ
ผู้ประกอบการส่งออก คาดว่าภาวะการส่งออกในไตรมาสที่ 1/2554(มกราคม - มีนาคม)จะดีขึ้น ร้อยละ 41.0 ไม่เปลี่ยน แปลง ร้อยละ 40.0และไม่ดี ร้อยละ 19.0ทำให้ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออก มีค่าเท่ากับ 61.0แสดงว่าการส่งออกมีทิศทางที่ดี
สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา เชื้อเพลิงและพลังงาน และ อาหารสำเร็จรูป สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกลดลง ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง
ในไตรมาสที่ 1/2554 นักธุรกิจคาดการณ์ว่าความสามารถในการแข่งขันจะดีขึ้น ร้อยละ 31.8 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 55.2และลดลง ร้อยละ 13.0 เป็นผลให้ดัชนีคาดการณ์ความสามารถในการแข่งขัน มีค่า 59.5แสดงว่าผู้ส่งออกเห็นว่าความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้นสินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขันจะเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา เชื้อเพลิงและพลังงาน สินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขัน ลดลงได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป
ดัชนีมูลค่าส่งออกเดือนธันวาคม 2553มีค่า 49.5 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน และอาหารสำเร็จรูป ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป และ ยางพารา
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่มีค่า 51.4สินค้าที่มีมูลค่าคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและชิ้นส่วน อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ข้าว ยางพารา และ อาหารสำเร็จรูป ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง
ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนธันวาคม 2553มีค่า 40.5 มูลค่าสินค้า คงคลังที่ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน และ อาหารสำเร็จรูป มูลค่าสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สิ่งทอ ข้าว ยางพารา และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี ธันวาคม 53 19.5 65.2 15.3 4.2 52.1 พฤศจิกายน 53 21.1 64.7 14.2 6.9 53.4 ตุลาคม 53 18.0 65.9 16.1 1.9 51.0
ดัชนีการจ้างงานในเดือนธันวาคม 2553มีค่าเท่ากับ 52.1แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ปัญหา
- ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป ส่งผลกระทบต่อราคาเสนอขายสูงกว่าประเทศคู่ค้า เช่น จีน
- ขาดแคลนแรงงานฝีมือ และไร้ฝีมือ
- ต้นทุนวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น เช่น ราคายางธรรมชาติ และ น้ำตาลทราย รวมทั้ง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น มีผลกระทบต่อ
ค่าขนส่งและต้นทุนสูงขึ้นมาก
- ผู้ประกอบการได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านส่งเสริมการลงทุน (BOI) ค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ
- ขั้นตอนในการขนส่งสินค้าออกซับซ้อน ทำให้การส่งออกล้าช้ากว่ากำหนด และมีการจำกัดสินค้าบางรายการที่จะขออนุญาตส่งออกใหม่
- มีการจำกัดโควตาสินค้าส่งออก ทำให้ลูกค้ารายใหม่ไม่สามารถซื้อสินค้าได้
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- ควบคุมค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
- เร่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มอัตราชดเชยภาษีส่งออก
- ให้แรงงานต่างด้าวได้ขึ้นทะเบียนในแบบใหม่อย่างเร่งด่วน
- ขอให้พิจารณาชดเชยค่าไฟฟ้าแก่ผู้ผลิตเพื่อการส่งออก
- อยากให้จัดงานแฟร์ (BIG+BIH) ระดับเอเชีย เช่นเดียวกับฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย จีน
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th