ดัชนีภาวะธุรกิจส่งออก (Export Business Index) ประจำเดือนมีนาคม 2554 (March 2011)

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 4, 2011 14:32 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ไตรมาส 2/2554 การส่งออกยังคงมีแนวโน้มดี

ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 190 ราย คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 2/2554 (เมษายน — มิถุนายน) ภาวะการส่งออกและความสามารถในการแข่งขันมีแนวโน้มที่ดี โดย ดัชนี มีค่า 58.9 และ 56.6 ตามลำดับ

ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออก

ผู้ประกอบการส่งออก คาดว่าภาวะการส่งออกในไตรมาสที่ 2/2554 (เมษายน - มิถุนายน) จะดีขึ้น ร้อยละ 41.3 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 35.2 และไม่ดี ร้อยละ 23.5 ทำให้ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออก มีค่าเท่ากับ 58.9 แสดงว่าการส่งออกมีทิศทางที่ดี

สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกเพิ่มขึ้นได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเชื้อเพลิงและพลังงาน สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

ดัชนีคาดการณ์ความสามารถในการแข่งขัน

ในไตรมาสที่ 2/2554 นักธุรกิจคาดการณ์ว่าความสามารถในการแข่งขันจะดีขึ้น ร้อยละ 27.6 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 58.0 และลดลง ร้อยละ 14.4 เป็นผลให้ดัชนีคาดการณ์ความสามารถในการแข่งขัน มีค่า 56.6 แสดงว่าผู้ส่งออกเห็นว่าความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

สินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขันจะเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูปอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเชื้อเพลิงและพลังงาน สินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขัน ลดลงได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอและเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน

ดัชนีมูลค่าส่งออก

ดัชนีมูลค่าส่งออกเดือนมีนาคม 2554 มีค่า 61.4 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออก ลดลง ได้แก่ เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ยางพารา และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่เดือนมีนาคม 2554 มีค่า 59.8 สินค้าที่มีมูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกเหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน

ดัชนีสินค้าคงคลัง

ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนมีนาคม 2554 มีค่า 47.5 มูลค่าสินค้าคงคลังที่ ลดลง ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา และอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง มูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ สิ่งทอผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

ดัชนีการจ้างงาน
            เดือน           %ดีขึ้น      %เท่าเดิม       %ลดลง     ผลต่าง       ดัชนี
            มีนาคม 54       24.2         64.0        11.8      12.4      56.2
          กุมภาพันธ์ 54       27.1         60.5        12.4      14.7      57.4
           มกราคม 54       28.9         55.4        15.7      13.2      56.6

ดัชนีการจ้างงานในเดือนมีนาคม 2554 มีค่าเท่ากับ 56.2 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ

ปัญหา

  • ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
  • ขาดแคลนแรงงานฝีมือ และไร้ฝีมือ
  • ขาดแคลนวัตถุดิบ และราคาวัตถุดิบสูงขึ้น เช่น โลหะและสิ่งทอ ผู้ส่งออกไม่สามารถเสนอราคาขายล่วงหน้าได้
  • ภัยธรรมชาติทั่วโลก กระทบต่อการขนส่ง
  • ความไม่แน่นอนทางการเมืองในต่างประเทศ
ข้อเสนอแนะ

ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้

  • ควบคุมค่าเงินบาทให้คงที่
  • เพิ่มอัตราชดเชยภาษีส่งออกและค่าไฟฟ้าแก่ผู้ผลิตสินค้าส่งออก
  • ลดหย่อนภาษีนำเข้าวัตถุดิบ
  • ลดขั้นตอนและพิธีการนำเข้า-ส่งออก
  • หาแหล่ง Supplier ใหม่ๆ

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน

ภาคผนวก

1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า

2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0

3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง

ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825

www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th


แท็ก การส่งออก  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ