ไตรมาส 2/2554 การส่งออกยังคงมีแนวโน้มดี
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 190 ราย คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 2/2554 (เมษายน — มิถุนายน) ภาวะการส่งออกและความสามารถในการแข่งขันมีแนวโน้มที่ดี โดย ดัชนี มีค่า 58.9 และ 56.6 ตามลำดับ
ผู้ประกอบการส่งออก คาดว่าภาวะการส่งออกในไตรมาสที่ 2/2554 (เมษายน - มิถุนายน) จะดีขึ้น ร้อยละ 41.3 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 35.2 และไม่ดี ร้อยละ 23.5 ทำให้ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออก มีค่าเท่ากับ 58.9 แสดงว่าการส่งออกมีทิศทางที่ดี
สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกเพิ่มขึ้นได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเชื้อเพลิงและพลังงาน สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
ในไตรมาสที่ 2/2554 นักธุรกิจคาดการณ์ว่าความสามารถในการแข่งขันจะดีขึ้น ร้อยละ 27.6 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 58.0 และลดลง ร้อยละ 14.4 เป็นผลให้ดัชนีคาดการณ์ความสามารถในการแข่งขัน มีค่า 56.6 แสดงว่าผู้ส่งออกเห็นว่าความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
สินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขันจะเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูปอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเชื้อเพลิงและพลังงาน สินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขัน ลดลงได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอและเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
ดัชนีมูลค่าส่งออกเดือนมีนาคม 2554 มีค่า 61.4 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออก ลดลง ได้แก่ เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ยางพารา และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่เดือนมีนาคม 2554 มีค่า 59.8 สินค้าที่มีมูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกเหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนมีนาคม 2554 มีค่า 47.5 มูลค่าสินค้าคงคลังที่ ลดลง ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา และอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง มูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ สิ่งทอผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี มีนาคม 54 24.2 64.0 11.8 12.4 56.2 กุมภาพันธ์ 54 27.1 60.5 12.4 14.7 57.4 มกราคม 54 28.9 55.4 15.7 13.2 56.6
ดัชนีการจ้างงานในเดือนมีนาคม 2554 มีค่าเท่ากับ 56.2 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ปัญหา
- ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
- ขาดแคลนแรงงานฝีมือ และไร้ฝีมือ
- ขาดแคลนวัตถุดิบ และราคาวัตถุดิบสูงขึ้น เช่น โลหะและสิ่งทอ ผู้ส่งออกไม่สามารถเสนอราคาขายล่วงหน้าได้
- ภัยธรรมชาติทั่วโลก กระทบต่อการขนส่ง
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองในต่างประเทศ
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- ควบคุมค่าเงินบาทให้คงที่
- เพิ่มอัตราชดเชยภาษีส่งออกและค่าไฟฟ้าแก่ผู้ผลิตสินค้าส่งออก
- ลดหย่อนภาษีนำเข้าวัตถุดิบ
- ลดขั้นตอนและพิธีการนำเข้า-ส่งออก
- หาแหล่ง Supplier ใหม่ๆ
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th