การส่งออกยังมีแนวโน้มที่ดี
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 203 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนเมษายน 2554 มีค่าเท่ากับ 50.2 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน และเครื่องอิเลคทรอนิกส์ไม่รวมคอมพิวเตอร์ ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออก ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และยางพารา
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนเมษายน 2554 มีค่า 52.7 สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน และเครื่องอิเลคทรอนิกส์ไม่รวมคอมพิวเตอร์ ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป และยางพารา
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี เมษายน 54 27.5 59.0 13.5 14.0 57.0 มีนาคม 54 24.4 63.9 11.7 12.7 56.4 กุมภาพันธ์ 54 27.1 60.5 12.4 14.7 57.4
ดัชนีการจ้างงานในเดือนเมษายน 2554 มีค่าเท่ากับ 57.0 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น
ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนเมษายน 2554 มีค่า 50.5 มูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเครื่องอิเลคทรอนิกส์ไม่รวมคอมพิวเตอร์ ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังที่ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ และชิ้นส่วน ยางพารา และเชื้อเพลิงและพลังงาน
ปัญหา
- ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง
- ขาดแคลนแรงงานปฏิบัติการและแรงงานที่มีฝีมือ
- ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นอย่างมาก สาเหตุจากภัยพิบัติทั่วโลก อาทิเช่น ยางพารา และโลหะเงิน เป็นต้น
- ปริมาณการผลิตลดลงเนื่องจากมีวันหยุดเทศกาลหลายวัน
- ความไม่สงบทางการเมืองในตะวันออกกลาง
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- รักษาค่าเงินบาทให้คงที่
- พิจารณาและปรับปรุงกฎระเบียบการนำเข้าวัตถุดิบและพิธีการนำเข้า-ส่งออก
- อบรมแรงงานต่างด้าวให้เป็นแรงงานมีฝีมือมากขึ้น
- ชดเชยค่าไฟฟ้าให้กับโรงงานผู้ผลิตสินค้าส่งออก
- เร่งเจรจากับประเทศคู่ค้าให้เกิดความเป็นธรรม รวมถึงขยายข้อตกลง FTA สู่ประเทศอื่นๆโดยเร็ว
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th