รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำ เดือนเมษายน 2554

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 3, 2011 15:14 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

แรงกดดันจากราคาน้ำมันและภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน 2554 ของประเทศ ทั้งส่วนกลาง(กรุงเทพฯและปริมณฑล) และภูมิภาคทั้ง 5 ภาค ยังอยู่ในระดับต่ำ ปัญหาที่ผู้บริโภคกังวลมากที่สุด คือ ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน และค่าครองชีพ

ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนเมษายน 2554 ปรากฏว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของทั้งประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จาก 17.0* เป็น 17.7 โดยค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าประชาชน ยังคงไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากภาวะแรงกดดันด้านราคาน้ำมัน ราคาสินค้าและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งปัญหาภัยแล้งในภาคเหนือและอีสาน ปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตทางการเกษตร ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเมื่อเทียบกับเดือนเมษายนของปีที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 15.3 เป็น 17.7 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้นและปัญหาการชุมนุมทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 10.5* เป็น 11.9 เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรยังคงมีแนวโน้มที่ดี แต่ผู้บริโภคยังคงกังวลต่อปัจจัยด้านราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่ารัฐบาลจะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกินกว่า 30 บาทต่อลิตร แต่ประชาชนยังกังวลต่อปัจจัยดังกล่าวหากว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิตในอนาคต

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3 เดือน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 21.4* เป็น 21.6 เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนที่ยังไม่แข็งแรง ตลอดจนผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นในต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่เริ่มคลี่คลายลง

เมื่อพิจารณาราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศของเดือนเมษายน 2554 พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน(แก๊สโซฮอล์ 95) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาลิตรละ 37.44 บาท เป็น 39.44 บาท ส่วนน้ำมันดีเซล มีราคาคงตัวอยู่ที่ราคาลิตรละ 29.99 บาท( ที่มา:บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) )

  • หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
เมื่อพิจารณาสัดส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรากฏว่าในเดือนเมษายน 2554
  • สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันผู้บริโภครู้สึกว่า “ดีขึ้น” ร้อยละ 11.2 “ไม่ดี” ร้อยละ 64.9
  • สถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 13.2 “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 52.1
  • ภาวการณ์หางานทำในปัจจุบันประเมินว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 6.7 “หางานยาก” ร้อยละ 67.5
  • ภาวการณ์หางานทำในอนาคตคาดว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 6.9 “หางานยาก” ร้อยละ 62.6
  • รายได้ในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 15.7 และ “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 29.5

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนเมษายน2554 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนในทุกภาคยังขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อการบริโภคโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา) คือ กรุงเทพฯ/ปริมณฑล จาก 11.0* เป็น 12.0 ภาคเหนือ จาก 19.7* เป็น 34.0 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก 23.3* เป็น 25.5 และภาคใต้ จาก 20.9* เป็น 26.3 เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้รายได้และกำลังซื้อของเกษตรกรสูงขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งนโยบายดูแลราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของกระทรวงพาณิชย์ และนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ทำให้ต้นทุนการผลิตและขนส่งยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

ส่วนภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง คือ ภาคกลาง จาก 12.9* เป็น 6.5 และภาคตะวันออก จาก 10.9* เป็น 9.6 เนื่องจากปัญหาราคาสินค้าและค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
ปัญหาที่ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไข เป็นดังนี้
                                                                                   หน่วย:ร้อยละ
     พื้นที่          ราคาสินค้า   ราคาน้ำมัน   การว่างงาน   ค่าครองชีพ   เศรษฐกิจทั่วไป   คอรัปชั่น   ยาเสพติด
ประเทศไทย            17.4      16.9       10.6        12.7         11.2       7.2       6.0
กรุงเทพฯ/ปริมณฑล       17.4      16.0       10.8        12.7         11.2       8.5       6.9
ภาคกลาง              16.6      16.1       10.6        13.1         12.5       6.2       5.5
ภาคเหนือ              17.8      18.7        9.9        10.7         13.3       5.7       5.6
ภาคตะวันออก           17.0      18.1       13.4        12.9          9.4       8.3       7.0
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   16.8      16.8        9.7        12.6          9.8       7.4       5.9
ภาคใต้                19.3      18.0       10.2        13.7         10.6       6.3       4.9

ผู้บริโภคในทุกพื้นที่ ต้องการให้แก้ไขปัญหา ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ เศรษฐกิจทั่วไป การว่างงาน คอรัปชั่น และยาเสพติด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังนี้

กรุงเทพฯ/ปริมณฑล ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคกลาง ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาสินค้าและเศรษฐกิจทั่วไป

ภาคตะวันออก ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาสินค้าและการว่างงาน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคใต้ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

1. ดูแลราคาน้ำมันและปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน

2. ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

3. แก้ไขปัญหาคอรัปชั่นอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประเทศมีการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบัน

4. ดูแลสวัสดิการประกันสังคมและสวัสดิการผู้สูงอายุ/ผู้พิการให้เหมาะสมและพอเพียง รวมทั้งเพิ่มเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ

5. ดูแลเสถียรภาพของการเมืองภายในประเทศ รวมทั้งดูแลให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และยุติธรรม

---------------------------------------

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
การอ่านค่าดัชนี

ระดับของค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดยมีเกณฑ์การอ่านค่า ดังนี้

  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 100 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ดี”
  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 0 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ไม่ดี”
ภาคผนวก

1. การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสะท้อนอำนาจการซื้อของประชาชนในประเทศ ซึ่งพิจารณาจากรายได้ที่แต่ละบุคคลได้รับ โดยใช้หลักการแบ่งกลุ่มอาชีพเป็นการกำหนดรายได้ของประชากรซึ่งใช้ข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มอาชีพดังนี้ ผู้ที่ไม่ได้ทำงาน กำลังศึกษา เกษตรกร รับจ้างรายวัน/รับจ้าง พนักงานเอกชน นักธุรกิจ และข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ

2. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อสะท้อนให้เห็นอำนาจซื้อที่เกิดขึ้นจริงของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา ใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า สำหรับเป็นแนวทางในการวางแผนและนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชน

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-6553 Fax.0-2507-5806 www.price.moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ