รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำ เดือนพฤษภาคม 2554

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 3, 2011 15:21 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ประชาชนคาดหวังว่าการเลือกตั้งจะช่วยให้ทิศทางการเมืองมีความเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2554 ของประเทศ ทั้งส่วนกลาง(กรุงเทพฯและปริมณฑล) และภูมิภาคทั้ง 5 ภาค ยังอยู่ในระดับต่ำ ปัญหาที่ผู้บริโภคกังวลมากที่สุด คือ ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน และค่าครองชีพ

ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤษภาคม 2554 ปรากฏว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของทั้งประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จาก 17.1* เป็น 18.4 โดยค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากราคาสินค้าและภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนต้องเผชิญกับปัญหารายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ขณะที่ประชาชนมีความคาดหวังว่าการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ จะช่วยให้ทิศทางทางการเมืองเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งปัญหาต่างๆจะได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลชุดใหม่ ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมของปีที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 13.1 เป็น 18.4 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีปัญหาการชุมนุมและความวุ่นวายทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 11.2* เป็น 11.8 เนื่องจากราคาน้ำมันภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวลดลงและมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลทำให้ต้นทุนการขนส่งไม่ได้รับผลกระทบมากเกินไป รวมทั้ง มาตรการบรรเทาค่าครองชีพของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะโครงการธงฟ้าราคาประหยัดสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ในระดับหนึ่ง

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3 เดือน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 21.1* เป็น 22.8 เนื่องจากนโยบายทางการเงินของประเทศในกลุ่มยูโรโซนมีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งผู้บริโภคภายในประเทศมีความคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งจะสามารถแก้ปัญหาค่าครองชีพและปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้

เมื่อพิจารณาราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศของเดือนพฤษภาคม 2554 พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน(แก๊สโซฮอล์ 95) ปรับตัวลดลงจากราคาลิตรละ 39.44 บาท เป็น 37.54 บาท ส่วนน้ำมันดีเซล มีราคาคงตัวอยู่ที่ราคาลิตรละ 29.99 บาท( ที่มา:บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) )

  • หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
เมื่อพิจารณาสัดส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรากฏว่าในเดือนพฤษภาคม 2554
  • สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันผู้บริโภครู้สึกว่า “ดีขึ้น” ร้อยละ 10.8 “ไม่ดี” ร้อยละ 62.2
  • สถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 13.7 “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 45.9
  • ภาวการณ์หางานทำในปัจจุบันประเมินว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 6.0 “หางานยาก” ร้อยละ 62.4
  • ภาวการณ์หางานทำในอนาคตคาดว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 6.5 “หางานยาก” ร้อยละ 58.3
  • รายได้ในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 14.9 และ “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 27.1

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม2554 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนในทุกภาคยังขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อการบริโภคโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา) คือ ภาคกลาง จาก 10.8* เป็น 17.6 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก 20.0* เป็น 26.2 และภาคใต้ จาก 22.4* เป็น 24.7 เนื่องจากเข้าสู่บรรยากาศการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายทางเศรษฐกิจและการจ้างงานเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลดีต่อรายได้และกำลังซื้อของเกษตรกร

ส่วนภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง คือ กรุงเทพฯ/ปริมณฑล จาก 12.5* เป็น 11.7 ภาคเหนือ จาก 23.4* เป็น 17.7 และภาคตะวันออก จาก 9.8* เป็น 6.6 เนื่องจากปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

  • หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
ปัญหาที่ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไข เป็นดังนี้
                                                                                   หน่วย:ร้อยละ
     พื้นที่          ราคาสินค้า   ราคาน้ำมัน   การว่างงาน   ค่าครองชีพ   เศรษฐกิจทั่วไป   คอรัปชั่น   ยาเสพติด
ประเทศไทย            17.2      17.0       10.7        13.1         10.6       6.9       6.5
กรุงเทพฯ/ปริมณฑล       17.0      16.7       12.1        13.7         10.9       8.7       6.5
ภาคกลาง              16.2      16.1        9.7        10.8         11.5       5.5       5.9
ภาคเหนือ              17.0      18.4       10.4        13.1         11.4       6.1       5.4
ภาคตะวันออก           17.1      18.2       12.0        14.1          7.8       8.4       9.0
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   16.7      15.6        9.8        13.2          9.7       7.7       6.3
ภาคใต้                19.6      18.4       10.3        14.0         10.5       4.5       7.3

ผู้บริโภคในทุกพื้นที่ ต้องการให้แก้ไขปัญหา ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ การว่างงาน เศรษฐกิจทั่วไป คอรัปชั่น และยาเสพติด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังนี้

กรุงเทพฯ/ปริมณฑล ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคกลาง ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและเศรษฐกิจทั่วไป

ภาคเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาสินค้าและค่าครองชีพ

ภาคตะวันออก ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาสินค้าและค่าครองชีพ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคใต้ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

1. ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ ที่ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่สูงขึ้นมากจนประชาชนแบกรับภาระไม่ไหว

2. แก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ที่เป็นตัวบ่อนทำลายโครงสร้างและระบบเศรษฐกิจของประเทศ

3. ดูแลสวัสดิการประกันสังคมและสวัสดิการผู้สูงอายุ/ผู้พิการให้เหมาะสมและพอเพียง รวมทั้งเพิ่มเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ

4. แก้ไขปัญหาทางด้านสังคม ยาเสพติด และอาชญากรรม โดยรัฐบาลควรปราบปรามอย่างจริงจังเพื่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน

5. ดูแลการเลือกตั้งให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม

6. ดำเนินโครงการประกันรายได้หรือโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมและมีรายได้ที่เพียงพอกับภาวะค่าครองชีพในปัจจุบัน

---------------------------------------

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
การอ่านค่าดัชนี

ระดับของค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดยมีเกณฑ์การอ่านค่า ดังนี้

  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 100 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ดี”
  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 0 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ไม่ดี”
ภาคผนวก

1. การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสะท้อนอำนาจการซื้อของประชาชนในประเทศ ซึ่งพิจารณาจากรายได้ที่แต่ละบุคคลได้รับ โดยใช้หลักการแบ่งกลุ่มอาชีพเป็นการกำหนดรายได้ของประชากรซึ่งใช้ข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มอาชีพดังนี้ ผู้ที่ไม่ได้ทำงาน กำลังศึกษา เกษตรกร รับจ้างรายวัน/รับจ้าง พนักงานเอกชน นักธุรกิจ และข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ

2. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อสะท้อนให้เห็นอำนาจซื้อที่เกิดขึ้นจริงของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา ใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า สำหรับเป็นแนวทางในการวางแผนและนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชน

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-6553 Fax.0-2507-5806 www.price.moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ