การส่งออกยังมีแนวโน้มดีขึ้น
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 207 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนกรกฎาคม 2554 มีค่าเท่ากับ 57.0 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ไม่รวมคอมพิวเตอร์ ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออก ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ รองเท้าและชิ้นส่วน เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนกรกฎาคม 2554 มีค่า 51.7 สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ยางพารา เชื้อเพลิงและพลังงาน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ไม่รวมคอมพิวเตอร์ ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี กรกฎาคม 54 25.4 60.7 13.9 11.5 55.7 มิถุนายน 54 23.0 59.1 17.9 5.1 52.6 พฤษภาคม 54 28.8 57.5 13.7 15.1 57.5
ดัชนีการจ้างงานในเดือนกรกฎาคม 2554 มีค่าเท่ากับ 55.7 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มสูงขึ้น
ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนกรกฎาคม 2554 มีค่า 46.7 มูลค่า สินค้าคงคลังที่ ลดลง ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ ยางพารา เชื้อเพลิงและพลังงาน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ไม่รวมคอมพิวเตอร์
ปัญหา
- อัตราแลกเปลี่ยนไม่คงที่
- ขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ และการเข้าออกของแรงงาน
- นโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลต่อต้นทุนการผลิต
- เรือขนส่งที่ท่าเรือมีจำนวนน้อยและเก็บค่าธรรมเนียมสูง
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายของรัฐไม่ชัดเจน
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- พิจารณามาตรการทางด้านภาษีเพื่อชดเชยให้กับผู้ประกอบการ
- พัฒนาฝีมือแรงงาน
- แก้ไขปัญหาการจราจรที่ท่าเรือกรุงเทพฯและท่าเรือแหลมฉบัง
- ชดเชยค่าไฟฟ้าแก่ผู้ผลิตเพื่อการส่งออก
- ให้สิทธิประโยชน์กับโรงงานผู้ผลิตที่ตั้งอยู่แนวชายแดน
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th