รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำ เดือนกรกฎาคม 2554

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 5, 2011 14:43 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

แนวนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ส่งผลทางจิตวิทยาเชิงบวก ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกรกฎาคม 2554 ของประเทศ ทั้งส่วนกลาง(กรุงเทพฯและปริมณฑล) และภูมิภาคทั้ง 5 ภาค ยังอยู่ในระดับต่ำ ปัญหาที่ผู้บริโภคกังวลมากที่สุด คือ ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน และค่าครองชีพ

ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกรกฎาคม 2554 ปรากฏว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของทั้งประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จาก 21.2 เป็น 30.6* โดยค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ราคาอาหารและพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอาจก่อให้เกิดหนี้สินในระยะยาวได้ อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ส่งผลทางจิตวิทยาเชิงบวก ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมของปีที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 21.2 เป็น 30.6* เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้นมีเทียบกับปีที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 10.3 เป็น 18.8* เนื่องจากประชาชนมีความคาดหวังต่อรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะสามารถดำเนินนโยบายต่างๆเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3 เดือน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 28.5 เป็น 38.4* เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศยังมีแนวโน้มการขยายตัว แต่ผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของกลุ่มประเทศยูโรโซนและสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะยาวได้

เมื่อพิจารณาราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2554 พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน(แก๊สโซฮอล์ 95) ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากราคาลิตรละ 37.14 บาท เป็น 38.14 บาท ส่วนน้ำมันดีเซล มีราคาคงตัวอยู่ที่ราคาลิตรละ 29.99 บาท( ที่มา:บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) )

  • หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
เมื่อพิจารณาสัดส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรากฏว่าในเดือนกรกฎาคม 2554
  • สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันผู้บริโภครู้สึกว่า “ดีขึ้น” ร้อยละ 15.2 “ไม่ดี” ร้อยละ 57.3
  • สถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 28.5 “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 38.2
  • ภาวการณ์หางานทำในปัจจุบันประเมินว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 11.7 “หางานยาก” ร้อยละ 58.4
  • ภาวการณ์หางานทำในอนาคตคาดว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 12.3 “หางานยาก” ร้อยละ 54.0
  • รายได้ในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 26.2 และ “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 22.2

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม 2554 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนในทุกภาคยังขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจซึ่งมีผล ต่อการบริโภคโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาทุกภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ กรุงเทพฯ/ปริมณฑล จาก 16.0 เป็น 33.0* ภาคกลาง จาก 18.7 เป็น 26.2* ภาคเหนือ จาก 22.7 เป็น 25.5* ภาคตะวันออก จาก 9.7 เป็น 20.8* ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก 22.4 เป็น 35.1* และภาคใต้ จาก 32.5 เป็น 36.4* เนื่องจาก ประชาชนคาดหวังต่อแนวทางการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่ว่าสามารถช่วยให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีคาดหวังต่อแนวนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท โครงการรับจำนำสินค้าเกษตรและมาตรการต่างๆที่จะช่วยให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

  • หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
ปัญหาที่ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไข เป็นดังนี้
                                                                                   หน่วย:ร้อยละ
     พื้นที่          ราคาสินค้า   ราคาน้ำมัน   การว่างงาน   ค่าครองชีพ   เศรษฐกิจทั่วไป   คอรัปชั่น   ยาเสพติด
ประเทศไทย            16.8      16.6        9.9        12.7       10.8         8.2       8.0
กรุงเทพฯ/ปริมณฑล       15.2      15.2        9.3        14.3       10.0         9.5       8.5
ภาคกลาง              15.4      15.2       11.0        13.7       11.0         7.5       8.2
ภาคเหนือ              17.1      17.6       10.5        11.2       12.8         8.0       6.1
ภาคตะวันออก           18.0      18.5        8.7        14.8        9.6         7.3       9.6
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   16.1      16.1        8.1        11.9       10.8         9.0       8.8
ภาคใต้                19.3      17.4       11.5        12.2        9.9         7.2       7.8

ผู้บริโภคในทุกพื้นที่ ต้องการให้แก้ไขปัญหา ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ เศรษฐกิจทั่วไป การว่างงาน คอรัปชั่น และยาเสพติด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังนี้

กรุงเทพฯ/ปริมณฑล ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าและราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ค่าครองชีพ

ภาคกลาง ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาสินค้าและเศรษฐกิจทั่วไป

ภาคตะวันออก ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาสินค้าและค่าครองชีพ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าและราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ค่าครองชีพ

ภาคใต้ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

1. แก้ไขปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้อยู่ในภาวะที่สมดุล เนื่องจากปัจจุบันราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและอาจก่อให้เกิดหนี้สินในระยะยาวได้

2. สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนโดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

3. ปราบการทุจริต/คอรัปชั่น แก้ไขปัญหาทางด้านสังคม ยาเสพติดและอาชญากรรม โดยรัฐบาลควรปราบปรามอย่างจริงจังเพื่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน

4. ดูแลสวัสดิการประกันสังคมและสวัสดิการผู้สูงอายุ/ผู้พิการให้เหมาะสมและพอเพียง รวมทั้งเพิ่มเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ

5. ดำเนินโครงการประกันรายได้หรือโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมและมีรายได้ที่เพียงพอกับภาวะค่าครองชีพในปัจจุบัน

6. ดูแลราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรไม่ให้มีราคาตกต่ำ รวมทั้งดูแลและสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้

---------------------------------------

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป

การอ่านค่าดัชนี

ระดับของค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดยมีเกณฑ์การอ่านค่า ดังนี้

  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 100 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ดี”
  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 0 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ไม่ดี”
ภาคผนวก

1. การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสะท้อนอำนาจการซื้อของประชาชนในประเทศ ซึ่งพิจารณาจากรายได้ที่แต่ละบุคคลได้รับ โดยใช้หลักการแบ่งกลุ่มอาชีพเป็นการกำหนดรายได้ของประชากรซึ่งใช้ข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มอาชีพดังนี้ ผู้ที่ไม่ได้ทำงาน กำลังศึกษา เกษตรกร รับจ้างรายวัน/รับจ้าง พนักงานเอกชน นักธุรกิจ และข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ

2. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อสะท้อนให้เห็นอำนาจซื้อที่เกิดขึ้นจริงของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา ใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า สำหรับเป็นแนวทางในการวางแผนและนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชน

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-6553 Fax.0-2507-5806 www.price.moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ