ไตรมาส 4/2554 การส่งออกยังคงมีแนวโน้มดี
ผลการสารวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จานวน 166 ราย คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 4/2554 (ตุลาคม — ธันวาคม) ภาวะการส่งออกและความสามารถในการแข่งขันมีแนวโน้มที่ดี โดยดัชนี มีค่า 55.2 และ 52.5 ตามลาดับ
ผู้ประกอบการส่งออก คาดว่าภาวะการส่งออกในไตรมาสที่ 4/2554 (ตุลาคม - ธันวาคม) จะดีขึ้น ร้อยละ 34.0 ไม่เปลี่ยน แปลง ร้อยละ 42.5 และลดลง ร้อยละ 23.5 ทาให้ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออก มีค่าเท่ากับ 55.2 แสดงว่าการส่งออกมีทิศทางที่ดีสินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออก ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ เครื่องอิเลคทรอนิกส์ไม่รวมคอมพิวเตอร์
ในไตรมาสที่ 4/2554 นักธุรกิจคาดการณ์ว่าความสามารถในการแข่งขันจะดีขึ้น ร้อยละ 22.4 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 60.2 และลดลง ร้อยละ 17.4 เป็นผลให้ดัชนีคาดการณ์ความสามารถในการแข่งขัน มีค่า 52.5 แสดงว่าผู้ส่งออกเห็นว่าความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้นสินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขันจะเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็กเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ไม่รวมคอมพิวเตอร์ สินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขัน ลดลงได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสาเร็จรูป สิ่งทอ
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี กันยายน 54 41.5 22.5 36.0 5.5 52.7 สิงหาคม 54 40.0 17.1 42.9 -2.9 48.5 กรกฎาคม 54 43.2 28.2 28.6 14.6 57.3
ดัชนีมูลค่าส่งออกเดือนกันยายน 2554 มีค่า 52.7 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งกระป๋องและแปรรูป เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ไม่รวมคอมพิวเตอร์ ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออก ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ยางพารา เชื้อเพลิงและพลังงาน
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี กันยายน 54 39.0 22.0 39.0 0.0 50.0 สิงหาคม 54 37.9 19.2 42.9 -5.0 47.5 กรกฎาคม 54 40.3 23.8 35.9 4.4 52.2
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่เดือนกันยายน 2554 มีค่า 50.0 สินค้าที่มีมูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ชิ้นส่วน ผักผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งกระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี กันยายน 54 36.4 30.3 33.3 3.1 51.5 สิงหาคม 54 29.1 33.5 37.4 -8.3 45.8 กรกฎาคม 54 32.0 29.6 38.4 -6.4 46.8
ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนกันยายน 2554 มีค่า 51.5 มูลค่าสินค้า คงคลังที่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ ผักผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งกระป๋องและแปรรูป ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังที่ ลดลง ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี กันยายน 54 24.2 64.6 11.2 13.0 56.5 สิงหาคม 54 19.8 63.9 16.3 3.5 51.7 กรกฎาคม 54 25.7 60.2 14.1 11.6 55.8
ดัชนีการจ้างงานในเดือนกันยายน 2554 มีค่าเท่ากับ 56.5 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกอยู่ในเกณฑ์ดี
ปัญหา
- อัตราแลกเปลี่ยนไม่คงที่
- ขาดแคลนแรงงานมีฝีมือและแรงงานไร้ฝีมือ
- ขาดแคลนวัตถุดิบจากภาวะน้ำท่วมในประเทศและต่างประเทศ
- วิกฤตการณ์การเงินในยุโรปและอเมริกา
- ระบบขนส่งท่าเรือทำให้สินค้าเสียหาย
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- รักษาค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
- ปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็นระยะและตามระดับทักษะฝีมือ
- มีมาตรการคืนภาษีอากรแก่ผู้ส่งออก
- พิธีการนำเข้า-ส่งออกควรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- จัดระบบขนส่งของท่าเรือให้มีประสิทธิภาพ
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th