การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 201 ราย ได้ผลดังนี้
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี ตุลาคม 54 29.3 15.1 55.6 -26.3 36.9 กันยายน 54 42.2 22.3 35.5 6.7 53.3 สิงหาคม 54 40.0 17.1 42.9 -2.9 48.5
ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนตุลาคม 2554 มีค่าเท่ากับ 36.9 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ รองเท้าและชิ้นส่วน
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี ตุลาคม 54 28.3 23.7 48.0 -19.7 40.2 กันยายน 54 39.2 22.2 38.6 0.6 50.3 สิงหาคม 54 37.9 19.2 42.9 -5.0 47.5
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนตุลาคม 2554 มีค่า 40.2 สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี ตุลาคม 54 10.2 69.4 20.4 -10.2 44.9 กันยายน 54 24.5 64.5 11.0 13.5 56.7 สิงหาคม 54 19.8 63.9 16.3 3.5 51.7
ดัชนีการจ้างงานในเดือนตุลาคม 2554 มีค่าเท่ากับ 44.9 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกชะลอตัวลง
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี ตุลาคม 54 29.6 28.6 41.8 -12.2 43.9 กันยายน 54 35.9 30.6 33.5 2.4 51.2 สิงหาคม 54 29.1 33.5 37.4 -8.3 45.8
ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนตุลาคม 2554 มีค่า 43.9 มูลค่า สินค้าคงคลังที่ ลดลง ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสาเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ยางพารา เชื้อเพลิงและพลังงาน
ปัญหา
- ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- ขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ และไร้ฝีมือ
- ขาดแคลนวัตถุดิบในประเทศและนอกประเทศ
- ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าสูงขึ้นจากภาวะน้ำท่วม
- วิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกส่งผลต่อการสั่งซื้อสินค้า
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท
- เร่งจัดการและฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย
- หาแหล่งเงินทุนให้ผู้ประกอบการโดยเร็วทั้งอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม
- ปรับปรุงพิธีการนำเข้า-ส่งออกให้ยืดหยุ่นมากขึ้น
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th