รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำ เดือนตุลาคม 2554

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 6, 2011 16:15 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

วิกฤติพิบัติภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ของประเทศ สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนแก่ประชาชน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคม 2554 ของประเทศ ทั้งส่วนกลาง(กรุงเทพฯและปริมณฑล) และภูมิภาคทั้ง 5 ภาค ยังอยู่ใน ระดับต่ำ ส่วนปัญหาที่ผู้บริโภคมีความกังวลมากที่สุด คือ ราคาสินค้า ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคม 2554 ปรากฏว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของทั้งประเทศปรับตัว ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จาก 29.6 เป็น 23.8*โดยค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ ภายในประเทศ เนื่องจากวิกฤติพิบัติภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนแก่ประชาชนในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล อีกทั้งส่งผลกระทบรุนแรงและสร้างความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมาก ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงจาก 24.6 เป็น 23.8* เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตรของประชาชน ภาคอุตสาหกรรม ภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งกระทบต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจของประเทศ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันปรับตัวลดลงจาก 17.1 เป็น 15.3* เนื่องจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมยังคงขยายพื้นที่เป็นวงกว้างและสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ประชาชนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3 เดือน) ปรับตัวลดลงจาก 37.8 เป็น 29.5* เนื่องจากประชาชนมี ความกังวลต่อความเสียหายจากภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัดและผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต เช่น ปัญหาการว่างงาน ปัญหาอาชญากรรมและปัญหายาเสพติด เป็นต้น รวมทั้งปัจจัยลบที่มาจากความเสี่ยงและความผันผวนจากเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐอเมริกาและยุโรป

เมื่อพิจารณาราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศของเดือนตุลาคม 2554 พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันเบนซิน(แก๊สโซฮอล์ 95) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาลิตรละ 35.37 บาท เป็น 36.37 บาท ส่วนน้ำมันดีเซล ราคาทรงตัวอยู่ที่ราคาลิตรละ 27.99 บาท ( ที่มา:บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) )

  • หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
เมื่อพิจารณาสัดส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรากฏว่าในเดือนตุลาคม 2554
  • สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันผู้บริโภครู้สึกว่า “ดีขึ้น” ร้อยละ 14.6 “ไม่ดี” ร้อยละ 64.0
  • สถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 20.8 “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 49.8
  • ภาวการณ์หางานทำในปัจจุบันประเมินว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 8.8 “หางานยาก” ร้อยละ 64.6
  • ภาวการณ์หางานทำในอนาคตคาดว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 8.3 “หางานยาก” ร้อยละ 60.8
  • รายได้ในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 24.2 และ “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 27.1

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2554 เทียบกับเดือนกันยายน 2554 มีภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ ภาคตะวันออก จาก 17.7 เป็น 22.2* ส่วนภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง คือ กรุงเทพฯ/ปริมณฑล จาก 26.7 เป็น 18.8* ภาคกลาง จาก 22.3 เป็น 11.9* ภาคเหนือ จาก 32.7 เป็น 27.7* ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก 39.6 เป็น 37.2* และภาคใต้ จาก 29.2 เป็น 20.1* อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 50 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนในทุกภาคยังขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อการบริโภคโดยรวมของประเทศ เนื่องจากภัยพิบัติน้ำท่วมในหลายภาคของประเทศได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตรของประชาชน ภาคอุตสาหกรรม ภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งกระทบต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจของประเทศส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน

  • หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือน ซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
ปัญหาที่ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไข เป็นดังนี้
                                                                                   หน่วย:ร้อยละ
     พื้นที่          ราคาสินค้า   ราคาน้ำมัน   การว่างงาน   ค่าครองชีพ   เศรษฐกิจทั่วไป   คอรัปชั่น   ยาเสพติด
ประเทศไทย            16.7      14.3       10.8        13.6       11.2         7.5       7.4
กรุงเทพฯ/ปริมณฑล       16.9      13.8        9.3        13.7       10.0         7.8       6.4
ภาคกลาง              13.7      14.2       11.0        14.5       12.5         7.1       7.6
ภาคเหนือ              16.8      15.4       11.3        13.2       12.5         7.2       7.8
ภาคตะวันออก           17.5      15.8       11.7        13.4       11.0         6.7       9.2
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   17.7      14.0       10.6        14.0       10.9         7.8       6.9
ภาคใต้                17.6      13.7       11.8        12.9       10.4         7.7       7.4

ผู้บริโภคในทุกพื้นที่ ต้องการให้แก้ไขปัญหา ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ เศรษฐกิจทั่วไป การว่างงาน คอรัปชั่น และยาเสพติด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังนี้

กรุงเทพฯ/ปริมณฑล ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคกลาง ต้องการให้แก้ไขปัญหาค่าครองชีพเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและราคาสินค้า

ภาคเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคตะวันออก ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคใต้ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

1. ดูแลปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมทั้งปัญหาค่าแรงขั้นต่ำ

2. แก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเร่งด่วนและวางแผนเพื่อป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว รวมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

3. เร่งช่วยเหลือและเยียวยารวมทั้งฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ประสบภัยน้ำท่วม

4. ปราบปรามการทุจริต/คอรัปชั่น แก้ไขปัญหาทางด้านสังคม ยาเสพติดและอาชญากรรม โดยรัฐบาลควรปราบปรามอย่างจริงจัง เพื่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน

5. ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินนโยบายและโครงการต่างๆอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม อีกทั้งดูแลสวัสดิการประกันสังคม และสวัสดิการผู้สูงอายุ/ผู้พิการให้เหมาะสมและพอเพียง รวมทั้งเพิ่มเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ

6. สร้างงานสร้างอาชีพให้กับประชาชนรวมทั้งพัฒนาฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับภาวะตลาดแรงงานในปัจจุบัน

7. ดูแลราคาสินค้าทางการเกษตรไม่ให้มีราคาตกต่ำ และสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้

---------------------------------------

การอ่านค่าดัชนี

ระดับของค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดยมีเกณฑ์การอ่านค่า ดังนี้

  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 100 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ดี”
  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 0 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ไม่ดี”
ภาคผนวก

1. การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสะท้อนอำนาจการซื้อของประชาชนในประเทศ ซึ่งพิจารณาจากรายได้ที่แต่ละบุคคลได้รับ โดยใช้หลักการแบ่งกลุ่มอาชีพเป็นการกำหนดรายได้ของประชากรซึ่งใช้ข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มอาชีพดังนี้ ผู้ที่ไม่ได้ทำงาน กำลังศึกษา เกษตรกร รับจ้างรายวัน/รับจ้าง พนักงานเอกชน นักธุรกิจ และข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ

2. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อสะท้อนให้เห็นอำนาจซื้อที่เกิดขึ้นจริงของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา ใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า สำหรับเป็นแนวทางในการวางแผนและนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชน

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-6553 Fax.0-2507-5806 www.price.moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ