การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 207 ราย ได้ผลดังนี้
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี พฤศจิกายน 54 30.7 17.8 51.5 -20.8 39.6 ตุลาคม 54 28.6 15.2 56.2 -27.6 36.2 กันยายน 54 42.2 22.3 35.5 6.7 53.3
ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนพฤศจิกายน2554 มีค่าเท่ากับ 39.6 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี พฤศจิกายน 54 28.4 29.3 42.3 -13.9 43.0 ตุลาคม 54 27.6 23.6 48.8 -21.2 39.4 กันยายน 54 39.2 22.2 38.6 0.6 50.3
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2554 มีค่า 43.0 สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ รองเท้าและชิ้นส่วน เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี พฤศจิกายน 54 13.3 64.1 22.6 -9.3 45.4 ตุลาคม 54 10.4 69.7 19.9 -9.5 45.3 กันยายน 54 24.5 64.5 11.0 13.5 56.7
ดัชนีการจ้างงานในเดือนพฤศจิกายน 2554 มีค่าเท่ากับ 45.4 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกชะลอตัวลง
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี พฤศจิกายน 54 24.2 28.8 47.0 -22.8 38.6 ตุลาคม 54 29.9 28.3 41.8 -11.9 44.0 กันยายน 54 35.9 30.6 33.5 2.4 51.2
ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนพฤศจิกายน 2554 มีค่า 38.6 มูลค่า สินค้าคงคลังที่ ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและ แปรรูป
ปัญหา
- อัตราแลกเปลี่ยนไม่มีเสถียรภาพ
- ขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ และไร้ฝีมือ
- ภาวะอุทกภัยและฝนตกหนักทำให้ขาดแคลนวัตถุดิบ
- การปรับระบบการขนส่งที่ท่าเรือมีความล่าช้า
- วิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกาส่งผลต่อยอดการส่งออกสินค้า
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท
- ควรปรับขึ้นค่าแรงงานเป็นระยะๆ
- ควรมีการวางแผนป้องกันภัยธรรมชาติอย่างรัดกุมและต่อเนื่อง
- สร้างความมั่นใจแก่ผู้ลงทุนเพื่อไม่ให้มีการย้ายฐานการผลิต
- ปรับเพิ่มอัตราชดเชยภาษีส่งออก
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สาหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th