ผู้ประกอบการคาดการณ์เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มทางบวก แต่มีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกและต้นทุน
ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจไตรมาสที่ 4/2555 (ตุลาคม - ธันวาคม 2555) จากการสอบถามนักธุรกิจใน 75 จังหวัด จำนวน 1,815 ราย คาดว่าดีขึ้นร้อยละ 37.7 ไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 46.3 และไม่ดี ร้อยละ 16.0 คิดเป็นค่าดัชนีเท่ากับ 60.9 ขณะที่การคาดการณ์ปี 2556 ดัชนีฯ มีค่า 65.3 ซึ่งมีค่าสูงกว่าเส้น 50 แสดงให้เห็นถึง การคาดการณ์ของผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าเศรษฐกิจในอนาคต ยังมีทิศทางบวก แต่ยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งยังมีความผันผวนอยู่มาก รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบ การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ และราคาน้ำมันในตลาดโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ร้อยละของดัชนีคาดการณ์ไตรมาส 4/55 การสำรวจ ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง ลดลง ดัชนี ปี 56 (%) (%) (%) 4/55 1. ผลประกอบการ 35.5 49.4 15.1 60.2 64.4 2. ตนทุนตอหนวย 56.9 38.6 4.5 76.2 80.4 3. การจ้างงาน 21.7 70.8 7.5 57.1 58.9 4. การขยายกิจการ 15.5 76.6 7.9 53.8 56.8
ร้อยละของดัชนีคาดการณ์ Q4/55 ภาค จำนวน ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง ลดลง ดัชนี ปี 56 (ราย) (%) (%) (%) 4/55 1. กรุงเทพฯ และปริมณฑล 223 28.6 50.0 21.4 53.6 58.9 2. ภาคกลาง 241 38.3 48.3 13.4 62.5 68.7 3. ภาคเหนือ 443 42.6 42.2 15.2 63.7 65.3 4. ภาคตะวันออก 111 43.2 41.4 15.4 64.0 63.1 5. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 483 43.2 45.4 11.4 65.9 69.3 6. ภาคใต? 314 26.3 51.3 22.4 51.9 61.6
ร้อยละของดัชนีคาดการณ์ Q4/55 สาขา จำนวน ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง ลดลง ดัชนี ปี 56 (ราย) (%) (%) (%) 4/55 1. เกษตรกรรม 162 35.4 52.2 12.4 61.5 68.6 2. อุตสาหกรรม 468 35.5 50.3 14.2 60.7 66.0 3. พาณิชยกรรม 755 36.0 50.1 13.9 61.0 62.1 4. ก่อสร้าง 52 31.4 52.9 15.7 57.8 60.4 5. การเงินและประกันภัย 82 47.6 46.3 6.1 70.7 73.8 6. บริการ 296 36.7 49.3 14.0 61.4 66.7
1. ภาวะธุรกิจทั่วไป
ภาพรวมต่อเศรษฐกิจในปัจจุบันชะลอตัว จากการส่งออกที่ชะลอตามอุปสงค์ที่อ่อนแอของยุโรป สหรัฐอเมริกา และ จีน แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดการณ์ไตรมาสหน้าและปีหน้าดีขึ้นจากอุปสงค์ภายในประเทศ การท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
2. เกษตรกรรม ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เช่น ไข่ไก่ สุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม แต่ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้นจากค่าจ้างแรงงาน วัตถุดิบ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่ากระแสไฟฟ้า
อุตสาหกรรม การปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการ โดยเฉพาะ กิจการที่แรงงานเป็นหลัก ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
พาณิชยกรรม การค้าซบเซา การแข่งขันสูง ขาดแคลนแรงงาน เช่น พนักงานจัดส่ง ขนสินค้า และ ขับรถ ฯลฯ ค่าจ้างแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนเพิ่ม ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย
ก่อสร้าง ภาคการก่อสร้างซบเซา เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน ต้นทุนสูง และขาดแคลนแรงงานฝีมือและกรรมกร
การเงิน เศรษฐกิจในภาพรวมได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป การส่งออกและกำลังซื้อของประชาชนลดลง อาจทำให้การขยายตัวของสินเชื่อลดลง
บริการ ต้นทุนประกอบการสูงขึ้น ทั้งจากค่าแรง สาธารณูปโภค อัตราดอกเบี้ย และวัตถุดิบ
3. ผลประกอบการของธุรกิจ
กำไรต่อหน่วยลดลงเนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น กำลังซื้อน้อยลง ภาวะการแข่งขันสูง
4. ต้นทุนต่อหน่วยสินค้าและบริการ
ต้นทุนประกอบการเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าแรง และค่าสาธารณูปโภค
5. การจ้างงานในธุรกิจ
ขาดแคลนแรงงานฝีมือและระดับปฏิบัติการค่อนข้างมาก ประสิทธิภาพแรงงานลดลง มีการเลือกงานซึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน
6. การขยายกิจการของธุรกิจ
มีการขยายกิจการค่อนข้างน้อย ผลจากการขาดแคลนแรงงาน นโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
1. ช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งด้านต้นทุน มาตรการทางภาษี การนำเข้าพลังงานราคาถูก หาแหล่งเงินทุน และตลาดใหม่ๆ
2. ควบคุมราคาสินค้า และราคาน้ำมันไม่ให้สูงจนเกินไป
3. ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ผันผวน
4. ลดภาษีรายได้บุคคลธรรมดา และภาษีที่จัดเก็บโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
5. ต้องการให้ภาครัฐพิจารณาการขึ้นค่าแรงงานอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการ
แรงงานและเศรษฐกิจโดยรวม
6. กระตุ้นกำลังซื้อ และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
7. อบรมให้ความรู้และข้อมูลแก่ผู้ประกอบการเพื่อเตรียมความพร้อมต่อการเปิดเสรีอาเซียน
8. รักษาเสถียรภาพทางการเมือง และความสงบใน 3 จังหวัดภาคใต้
19 ตุลาคม 2555
กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และ นนทบุรี
จำนวน 223 ราย
ภาคกลาง 13 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี ลพบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี
สิงห์บุรี สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม อ่างทอง ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์
และ นครนายก จำนวน 241 ราย
ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ตาก พิษณุโลก แพร่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์
อุตรดิตถ์ ลำพูน น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี สุโขทัย พิจิตร และ กำแพงเพชร
จำนวน 443 ราย
ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ปราจีนบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา และ สระแก้ว
จำนวน 111 ราย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี หนองคาย ขอนแก่น นครราชสีมา มุกดาหาร สุรินทร์
ร้อยเอ็ด อุดรธานี ศรีสะเกษ กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ ยโสธร ชัยภูมิ สกลนคร
นครพนม หนองบัวลำภู เลย อำนาจเจริญ และ มหาสารคาม จำนวน 483 ราย
ภาคใต้ 14 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ตรัง ภูเก็ต สงขลา นครศรีธรรมราช กระบี่ นราธิวาส
ยะลา ชุมพร พังงา ระนอง สตูล พัทลุง และปัตตานี จำนวน 314 ราย
ดำเนินการสำรวจทุก ๆ 3 เดือน สำหรับไตรมาสนี้ ( ไตรมาสที่ 3/2555 ระหว่างเดือนกรกฏาคม -กันยายน 2555) ทำการสำรวจในเดือนกันยายน 2555 โดยได้รับแบบสอบถามตอบกลับ จำนวน 1,816 ชุด มีแบบเสีย 1 ชุด คิดเป็นร้อยละ 0.06 รวมแบบสอบถามที่ใช้ในการประมวลผลจำนวน 1,815 ชุด
การประมวลผลและการคำนวณดัชนี
ไตรมาสที่ 3/2555 ได้ทำการประมวลผลในวันที่ 19 ตุลาคม 2555 และทำเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. การคิดสัดส่วนร้อยละ
เป็นการประมวลผลโดยนำผลการสำรวจมาคำนวณร้อยละของผู้ตอบในแต่ละคำตอบ ( ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ดี)
2. การคำนวณดัชนี
เป็นการนำผลการสำรวจที่ได้มาจัดทำเป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่แสดงเฉพาะทิศทางของภาวะธุรกิจ
(ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ดี)
การคำนวณดัชนีมีขั้นตอนดังนี้
1. แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (ตัวเลข) ดังนี้
ถ้าตอบว่า ดีขึ้นหรือเพิ่มขึ้น จะให้คะแนนเท่ากับ 1 ถ้าตอบว่า ไม่เปลี่ยนแปลง จะให้คะแนนเท่ากับ 0.5 ถ้าตอบว่า ไม่ดีหรือลดลง จะให้คะแนนเท่ากับ 0
2. นำร้อยละของผู้ตอบว่าดีบวกกับร้อยละของผู้ตอบว่าไม่เปลี่ยนแปลงที่คูณด้วย 0.5 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และต่ำสุดเท่ากับ 0
การอ่านค่าดัชนี
ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 100 แสดงว่านักธุรกิจคาดว่าธุรกิจดี
ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจคาดว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 0 แสดงว่านักธุรกิจคาดว่าธุรกิจไม่ดี
หากระดับดัชนีเหนือเส้น 50 แสดงว่าภาวะธุรกิจยังคงขยายตัว ทั้งนี้ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึงว่า ภาวะธุรกิจไม่ดีหรือชะลอตัว
หากระดับดัชนีต่ำกว่าเส้น 50 แสดงว่าเป็นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าค่าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจจะดีขึ้นหรือฟื้นตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-5811-3 โทรสาร.0-2507-5806 www.price.moc.go.th