ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากประชาชนรู้สึกกังวลต่อภาวะค่าครองชีพที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมกราคม 2556 จากประชาชน สาขาอาชีพต่างๆ จำนวน 3,071 คน ทุกจังหวัดทั้งประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จาก 35.4 เป็น 33.1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันปรับตัวลดลงจาก 25.4 เป็น 24.3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3 เดือน) ปรับตัวลดลงจาก 42.0 เป็น 38.9 เนื่องจาก ประชาชนรู้สึกกังวลต่อภาวะค่าครองชีพที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและ ข่าวการประกาศขึ้นค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น นอกจากนี้การมีข่าวปิดตัวของโรงงานบางแห่ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนด้วย แต่ทั้งนี้รัฐบาลยังคงนโยบายต่างๆเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยค่าดัชนีทุกรายการยังต่ำกว่าเส้น 50 สะท้อนให้เห็นว่าระดับความเชื่อมั่นของประชาชนยังไม่สูงมากนัก
นอกจากนี้ พบว่า ประชาชนมีความคาดหวังที่มีต่อรายได้ในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ลดลง ส่งผลให้การใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในปัจจุบันปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่ทั้งนี้ ค่าดัชนีทั้งสองด้านยังสูงกว่าที่ระดับ 50 แสดงว่าประชาชนยังมีการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องส่วนด้านการวางแผนซื้อรถยนต์ในอนาคตและการวางแผนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆใน 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง เนื่องจาก ประชาชนมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นและซื้อสินค้าประเภทดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เนื่องจากไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต
อย่างไรก็ตามผลจากการสำรวจความคิดเห็น พบว่า ประชาชนยังให้ความสำคัญในเรื่องค่าครองชีพและปากท้องเป็นอันดับแรกในด้านเศรษฐกิจ และปัญหาเรื่องการคอรัปชั่นและยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาอันดับแรกด้านสังคม
ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครายภูมิภาค
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมกราคม 2556 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา พบว่า ภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง คือ กรุงเทพฯ/ปริมณฑล จาก 38.0 เป็น 33.0 ภาคกลาง จาก 36.7 เป็น 35.1 ภาคเหนือ จาก 39.7 เป็น 36.5 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก 47.6 เป็น 42.5 ส่วนภูมิภาคที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ ภาคตะวันออก จาก 15.2 เป็น 23.7 และภาคใต้ จาก 18.2 เป็น 18.7 ทั้งนี้ค่าดัชนีในแต่ละภาคยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่า 50 แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจาก ประชาชนรู้สึกว่าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมทั้งค่าสาธารณูปโภคปรับตัวสูงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น อีกทั้ง ภัยแล้งในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ส่วนของภาคใต้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นประชาชนได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ปัญหาต่างๆที่ ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไข พิจารณาตามสัดส่วน ดังนี้
หน่วย : ร้อยละ
หน่วย:ร้อยละ
พื้นที่ ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ การว่างงาน เศรษฐกิจทั่วไป คอรัปชั่น ยาเสพติด
ประเทศไทย 17.3 15.5 14.4 11.4 11.2 7.9 7.1
กรุงเทพฯ/ปริมณฑล 17.2 13.6 14.6 12.9 11.1 9.4 8.1
ภาคกลาง 17.0 16.2 14.8 10.7 11.1 6.8 5.9
ภาคเหนือ 18.8 17.1 14.1 10.9 12.0 5.8 6.4
ภาคตะวันออก 18.0 16.6 13.5 12.7 11.5 8.1 7.7
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18.4 16.4 14.6 10.3 11.1 7.8 6.7
ภาคใต้ 14.8 14.0 14.2 11.6 10.4 9.5 8.2
โดยภาพรวมผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ
1. แก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน รวมทั้งดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้สูงจนเกินไป โดยเฉพาะอาหารสดและผัก
2. หามาตรการต่างๆเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท โดยเฉพาะผู้ประกอบขนาดกลาง
และขนาดเล็ก รวมทั้งลูกจ้างที่ตกงาน
3. สร้างความเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น
4. เร่งการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค
1. แก้ไขปัญหาการคอรัปชั่นและปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน
2. แก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
3. แก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน
4. แก้ไขปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
5. ดูแลราคาวัตถุดิบทางการเกษตร และแก้ไขราคาสินค้าเกษตรที่มีราคาตกต่ำ
6. ปรับเพิ่มเบี้ยครองชีพคนชราเพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน
---------------------------------------
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
โทร 0 2507 7000 โทรสาร 0 2507 5825