ผู้ประกอบการคาดการณ์ต่อเศรษฐกิจไตรมาสหน้ายังมีแนวโน้มดี แต่มีความกังวลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การแข็งค่าของเงินบาท และภาวะเศรษฐกิจโลก
ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจไตรมาสที่ 2/2556 (เมษายน - มิถุนายน 2556) จากการสอบถามนักธุรกิจใน 76 จังหวัด จำนวน 1,741 ราย คาดว่าดีขึ้นร้อยละ 36.3 ไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 46.8 และไม่ดี ร้อยละ 16.9 คิดเป็นค่าดัชนีเท่ากับ 59.7 ซึ่งมีค่าสูงกว่าเส้น 50 แสดงให้เห็นถึง การคาดการณ์ของผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าเศรษฐกิจไตรมาสหน้า ยังมีทิศทางบวก แต่มีความกังวลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การแข็งค่าของเงินบาทที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง
ร้อยละของดัชนีคาดการณ์ไตรมาส 2/56 การสำรวจ ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง ลดลง ดัชนี (%) (%) (%) Q2/56 1. ผลประกอบการ 33.4 48.2 18.4 57.4 2. ต้นทุนต่อหน่วย 57.4 37.7 4.9 76.2 3. การจ้างงาน 21.0 68.7 10.3 55.4 4. การขยายกิจการ 15.2 75.4 9.4 53.0
ร้อยละของดัชนีคาดการณ์ Q2/56 ภาค จำนวน ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง ลดลง ดัชนี (ราย) (%) (%) (%) Q2/56 1. กรุงเทพฯ และปริมณฑล 200 37.0 49.0 14.0 61.5 2. ภาคกลาง 241 51.7 39.6 8.7 71.5 3. ภาคเหนือ 422 28.4 51.8 19.8 54.3 4. ภาคตะวันออก 121 48.3 42.5 9.2 69.6 5. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 447 36.8 45.8 17.4 59.7 6. ภาคใต้ 310 29.0 47.2 23.8 52.6
ร้อยละของดัชนีคาดการณ์ Q2/56 สาขา จำนวน ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง ลดลง ดัชนี (ราย) (%) (%) (%) 2/56 1. เกษตรกรรม 161 30.4 54.0 15.6 57.5 2. อุตสาหกรรม 432 35.0 48.5 16.5 59.2 3. พาณิชยกรรม 738 28.9 52.9 18.2 55.3 4. ก่อสร้าง 54 44.4 35.2 20.4 62.0 5. การเงินและประกันภัย 81 58.0 37.0 5.0 76.5 6. บริการ 275 37.4 49.5 13.1 62.1
1. ภาวะธุรกิจทั่วไป
ภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการใช้จ่ายภายในประเทศขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริโภคสินค้าคงทน ขณะที่การส่งออกหดตัวลง จากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าหลัก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง
2. ภาวะธุรกิจในสาขาต่าง ๆ
เกษตรกรรม ต้นทุนการผลิตสูงจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง น้ำมัน และค่าแรง
อุตสาหกรรม ขาดแคลนแรงงาน ขณะเดียวกันการแข็งค่าของเงินบาททำให้ความสามารถในการแข่งขันในการส่งออกลดลง
พาณิชยกรรม มีการแข่งขันสูง ในธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิมกับค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น 7 Eleven และ Modern Trade
ก่อสร้าง รายได้ลดลง จากผลประกอบการซึ่งไม่ดีนัก ประกอบกับมีการแข่งขันมากขึ้น
การเงิน ภาคการเงินและประกันชีวิต-ประกันภัย ส่วนใหญ่คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เงินทุนไหลเข้าในประเทศมากขึ้น ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ธุรกิจต้องบริหารกิจการด้วยความระมัดระวัง และติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
บริการ ธุรกิจการให้บริการมีการแข่งขันสูง ต้องปรับตัวโดยลดต้นทุน เช่น ลดจำนวนพนักงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
3. ผลประกอบการของธุรกิจ
ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น คำสั่งซื้อลดลง ทำให้รายได้ลดลง ส่งผลต่อผลประกอบการธุรกิจ
4. ต้นทุนต่อหน่วยสินค้าและบริการ
ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจากค่าแรง วัตถุดิบ เชื้อเพลิง และสาธารณูปโภค
5. การจ้างงานในธุรกิจ
ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้น แต่ความสามารถของแรงงานไม่สัมพันธ์กับค่าจ้างที่สูงขึ้น และขาดแคลนแรงงานในบางประเภท ได้แก่ ช่างฝีมือ และปฏิบัติการที่ใช้กำลังแรงงานความอดทนค่อนข้างมาก
6. การขยายกิจการของธุรกิจ
ผู้ประกอบการบางประเภทชะลอการขยายกิจการ และย้ายฐานการผลิต โดยเฉพาะที่ต้องใช้แรงงานสูง เช่น สิ่งทอ เป็นต้น
1. ควรดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพ และไม่ให้แข็งค่าเกินกว่าภูมิภาคเดียวกัน
2. ควรปรับอัตราค่าจ้างแรงงานให้เหมาะสม เพื่อให้อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานสูง เช่น สิ่งทอ สามารถอยู่รอดได้
3. เพิ่มงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก เช่น การออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน และปรับเพิ่มอัตราชดเชยภาษีส่งออก
4. หาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
5. ดูแลค่าครองชีพ และค่าสาธารณูปโภคไม่ให้สูงจนเกินไป
6. แก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และลดปัญหาคอรัปชั่น
7. ดูแลราคาสินค้าเกษตรไม่ให้ตกต่ำ รวมทั้งมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
8. ส่งเสริมการท่องเที่ยว และระบบโลจิสติกส์ อย่างต่อเนื่อง และเป็นรูปธรรม
กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และ นนทบุรี
จำนวน 200 ราย
ภาคกลาง 13 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี ลพบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี สิงห์บุรี
สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม อ่างทอง ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ และ นครนายก
จำนวน 241 ราย
ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ตาก พิษณุโลก แพร่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์
อุตรดิตถ์ ลำพูน น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี สุโขทัย พิจิตร
และ กำแพงเพชร จำนวน 422 ราย
ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ปราจีนบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา และ สระแก้ว
จำนวน 212 ราย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี หนองคาย ขอนแก่น นครราชสีมา มุกดาหาร สุรินทร์ ร้อยเอ็ด
อุดรธานี ศรีสะเกษ กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ ยโสธร ชัยภูมิ สกลนคร นครพนม
หนองบัวลำภู เลย อำนาจเจริญ และ มหาสารคาม จำนวน 456 ราย
ภาคใต้ 14 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ตรัง ภูเก็ต สงขลา นครศรีธรรมราช กระบี่ นราธิวาส ยะลา
ชุมพร พังงา ระนอง สตูล พัทลุง และปัตตานี จำนวน 447 ราย
ดำเนินการสำรวจทุก ๆ 3 เดือน สำหรับไตรมาสนี้ ( ไตรมาสที่ 1/2556 ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2556 ) ทำการสำรวจ ในเดือนมีนาคม 2556 โดยได้รับแบบสอบถามตอบกลับ จำนวน 1,744 ชุด มีแบบสอบถามเสีย จำนวน 3 แบบ คิดเป็นร้อยละ 0.17 รวมแบบสอบถามที่ใช้ในการประมวลผลจำนวน 1,741 ชุด
การประมวลผลและการคำนวณดัชนี
ไตรมาสที่ 1/2556 ได้ทำการประมวลผลในวันที่ 19 เมษายน 2556 และทำเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. การคิดสัดส่วนร้อยละ
เป็นการประมวลผลโดยนำผลการสำรวจมาคำนวณร้อยละของผู้ตอบในแต่ละคำตอบ ( ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ดี)
2. การคำนวณดัชนี
เป็นการนำผลการสำรวจที่ได้มาจัดทำเป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่แสดงเฉพาะทิศทางของภาวะ ธุรกิจ( ดีขึ้น ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ดี)
การคำนวณดัชนีมีขั้นตอนดังนี้
1. แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (ตัวเลข) ดังนี้
ถ้าตอบว่า ดีขึ้นหรือเพิ่มขึ้นจะให้คะแนนเท่ากับ 1
ถ้าตอบว่า ไม่เปลี่ยนแปลง จะให้คะแนนเท่ากับ 0.5
ถ้าตอบว่า ไม่ดีหรือลดลงจะให้คะแนนเท่ากับ 0
2. นำร้อยละของผู้ตอบว่าดีบวกกับร้อยละของผู้ตอบว่าไม่เปลี่ยนแปลงที่คูณด้วย 0.5 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา
ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และต่ำสุดเท่ากับ 0
ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 100 แสดงว่านักธุรกิจคาดว่าธุรกิจดี
ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจคาดว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 0 แสดงว่านักธุรกิจคาดว่าธุรกิจไม่ดี
หากระดับดัชนีเหนือเส้น 50 แสดงว่าภาวะธุรกิจยังคงขยายตัว ทั้งนี้ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึงว่า ภาวะธุรกิจไม่ ดีหรือชะลอตัว
หากระดับดัชนีต่ำกว่าเส้น 50 แสดงว่าเป็นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าค่าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจจะดีขึ้นหรือฟื้นตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-5811-3 โทรสาร.0-2507-5806 www.price.moc.go.th