การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 206 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก พ.ย. 56 = 46.3
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี พฤศจิกายน 56 36.9 18.8 44.3 -7.4 46.3 ตุลาคม 56 35.3 24.1 40.6 -5.3 47.3 กันยายน 56 35.8 20.5 43.7 -7.9 46.1
ดัชนีมูลค่าส่งออก เดือนพฤศจิกายน 2556 มีค่าเท่ากับ 46.3 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ยางพาราและผลิตภัณฑ์ ข้าว ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผัก ผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ พ.ย. 56 = 45.1
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี พฤศจิกายน 56 31.0 28.1 40.9 -9.9 45.1 ตุลาคม 56 32.7 26.3 41.0 -8.3 45.9 กันยายน 56 33.8 25.4 40.8 -7.0 46.5
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ เดือนพฤศจิกายน 2556 มีค่า 45.1 สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เคมีภัณฑ์ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผัก ผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป อาหารทะเล แช่เยือกแข็ง ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว รองเท้าและชิ้นส่วน ผัก ผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
ดัชนีการจ้างงาน พ.ย. 56 = 47.3
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี พฤศจิกายน 56 10.9 72.8 16.3 -5.4 47.3 ตุลาคม 56 11.1 73.3 15.6 -4.5 47.7 กันยายน 56 13.9 68.3 17.8 -3.9 48
ดัชนีการจ้างงานเดือนพฤศจิกายน 2556 มีค่าเท่ากับ 47.3 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกชะลอตัวลง
ดัชนีสินค้าคงคลัง พ.ย. 56 = 44.2
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี พฤสจิกายน 56 27.8 32.8 39.4 -11.6 44.2 ตุลาคม 56 25.5 35.7 38.8 -13.3 43.4 กันยายน 56 24.9 35.1 40.0 -15.1 42.4
ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนพฤศจิกายน 2556 มีค่า 44.2 สินค้าคงคลังที่ ลดลงได้แก่ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ยางพารา ผัก ผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้นได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง รองเท้าและชิ้นส่วน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์
ดัชนีสินค้าคงคลัง ก.ย. 56 = 42.3
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี กันยายน 56 24.8 35.1 40.1 -15.3 42.3 สิงหาคม 56 27.5 42.1 30.4 -2.9 48.5 กรกฎาคม 56 19.6 50.0 30.4 -10.8 44.6
ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนกันยายน 2556 มีค่า 42.3 มูลค่าสินค้าคงคลังที่ ลดลงได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยางพารา เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเล แช่เยือกแข็ง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้นได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผักผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป รองเท้าและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
ปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ
ปัญหา
- อัตราแลกเปลี่ยนไม่มีเสถียรภาพ
- ขาดแคลนแรงงาน
- ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
- ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- ความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในประเทศ
ข้อเสนอแนะ
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท
- กระตุ้นการส่งออก
- สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้า
- ปรับเพิ่มอัตราชดเชยภาษีแก่สินค้าส่งออกให้ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ(leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
สำนักสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์
โทร.0 2507 5799-80 โทรสาร 0 2507 5806, 0 2507 5825
www.price.moc.go.th Email: neworders@moc.go.th