ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนตุลาคม 2563 เท่ากับ 104.9 เทียบกับเดือนตุลาคม 2562 สูงขึ้นร้อยละ 0.2 (YoY) ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ 1.2 กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 17 เดือน โดยเป็นการสูงขึ้นในเกือบทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 1.4 (สูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 23 เดือน) ตามต้นทุนและความต้องการ ที่ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หมวดซีเมนต์ และหมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีตลดลง เนื่องจากมีภาวะสินค้าล้นตลาด ส่งผลให้มีการแข่งขันสูง
1. เทียบกับเดือนตุลาคม 2562 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 0.2 โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ดังนี้ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 0.1 จากการสูงขึ้นของบานประตู และวงกบหน้าต่าง หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สูงขึ้นร้อยละ 1.4 ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนแรกในรอบ 23 เดือน โดยเป็นการปรับตัวสูงขึ้นของเหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย เหล็กตัวซี เหล็กตัว H เหล็กฉาก ข้อต่อเหล็ก ท่อเหล็กกลวงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตะแกรงเหล็กสำเร็จรูป ชีทไพล์เหล็ก และน็อต เนื่องจากราคาต้นทุนมีการปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ปีที่ผ่านมีราคาต่ำ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยมีการปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หมวดกระเบื้อง สูงขึ้นร้อยละ 2.0 จากการสูงขึ้นของกระเบื้องแกรนิต กระเบื้องยาง PVC ปูพื้น ซึ่งปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุน หมวดวัสดุฉาบผิว สูงขึ้นร้อยละ 0.5 จากการสูงขึ้นของสีเคลือบน้ำมัน สีรองพื้นโลหะ และซิลิโคน หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 0.4 จากการสูงขึ้นของท่อร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์พีวีซี ท่อพีวีซี ถังเก็บน้ำสแตนเลส ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส ซึ่งราคาสูงขึ้นตามต้นทุน และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 0.8 จากการสูงขึ้นของยางมะตอย เนื่องจากการลดกำลังการผลิตตั้งแต่ช่วงกลางปีจากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ราคาเฉลี่ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่หมวดสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงลดลง ได้แก่ หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 0.3 ซึ่งยังคงลดลงจากการลดลงของปูนซีเมนต์ผสม ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากภาวะการก่อสร้างที่ยังคงซบเซาเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับการแข่งขันที่ยังสูงอยู่และผู้ประกอบการยังมีความต้องการระบายสินค้าในตลาด และหมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต ลดลงร้อยละ 2.5 จากการลดลงของชีทไพล์คอนกรีต ถังซีเมนต์สำเร็จรูป เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปอัดแรง คานคอนกรีตสำเร็จรูป ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป และคอนกรีตบล็อกก่อผนังมวลเบา ยังคงลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะสินค้าล้นตลาด ส่งผลให้มีการแข่งขันสูง ส่วนหมวดสุขภัณฑ์ ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2. เทียบกับเดือนกันยายน 2563 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 0.3 โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ดังนี้ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 0.1 จากการสูงขึ้นของบานประตู และวงกบหน้าต่าง หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สูงขึ้นร้อยละ 1.8 จากการสูงขึ้นของเหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย ท่อเหล็กดำ เหล็กฉาก น๊อต เหล็กตัว H เหล็กรางน้ำ ตามการสูงขึ้นของราคาเศษเหล็กในตลาดโลก หมวดกระเบื้อง สูงขึ้นร้อยละ 0.3 จากการสูงขึ้นของกระเบื้องยาง PVC ปูพื้น ซึ่งปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุน ในขณะที่หมวดสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงลดลง ได้แก่ หมวดวัสดุฉาบผิว ลดลงร้อยละ 0.1 จากการลดลงของซิลิโคน เนื่องจากการแข่งขันทางการตลาด และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ลดลงร้อยละ 0.3 จากการลดลงของราคายางมะตอย เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกลดลง ผลต่อเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดและฤดูกาล ถึงแม้การผลิตจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติก็ตาม ส่วนสินค้าที่ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ หมวดซีเมนต์ หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต หมวดสุขภัณฑ์ และหมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา
3. เฉลี่ย 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปี 2563 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (AoA) ลดลงร้อยละ 2.2 โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ดังนี้ หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 0.4 ได้แก่ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสมและปูนฉาบสำเร็จรูป ซึ่งยังลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากภาวะการก่อสร้างที่ยังคงซบเซาเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับการแข่งขันที่สูงอันเกิดจากการเร่งระบายสินค้าของผู้ประกอบการ หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต ลดลงร้อยละ 2.0 ได้แก่ ชีทไพล์คอนกรีต ถังซีเมนต์สำเร็จรูป เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปอัดแรง คานคอนกรีตสำเร็จรูป คอนกรีตบล็อกก่อผนังมวลเบา และผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ซึ่งยังคงลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากภาวะสินค้าล้นตลาด ส่งผลให้มีการแข่งขันสูง หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลงร้อยละ 9.6 ได้แก่ เหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย ท่อเหล็กดำ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ตะปู เหล็กแผ่นเรียบดำ ลวดผูกเหล็ก เมทัลชีท ท่อเหล็กเคลือบสังกะสี เหล็กฉาก ชีทไพล์เหล็ก เหล็กรางน้ำ ท่อเหล็กกลวงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตะแกรงเหล็กสำเร็จรูป และท่อสแตนเลส เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลง ประกอบราคาเหล็กในตลาดโลกลดลง ในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่หมวดสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้น ได้แก่ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 0.5 ได้แก่ ไม้แบบ บานประตู ไม้โครงคร่าว วงกบประตู หมวดกระเบื้อง สูงขึ้นร้อยละ 1.6 ได้แก่ กระเบื้องแกรนิต ซึ่งราคาปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต หมวดวัสดุฉาบผิว สูงขึ้นร้อยละ 0.4 ได้แก่ สีรองพื้นปูน-โลหะ สีเคลือบน้ำมัน และซิลิโคน หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 0.4 โดยสูงขึ้นจากสินค้าที่สำคัญ ได้แก่ ท่อร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์พีวีซี และถังเก็บน้ำสแตนเลส และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 0.2 ได้แก่ ยางมะตอย ซึ่งยังคงเป็นผลจากการลดกำลังการผลิตตั้งแต่ช่วงกลางปีจากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ราคาเฉลี่ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนหมวดสุขภัณฑ์ ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก จากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ รวมถึงราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กในตลาดโลก ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการเร่งลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเป็นสำคัญ ขณะที่การก่อสร้างของภาคเอกชนยังคงชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง และราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นไม่มากนัก แม้จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับปริมาณผลผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ยังคงมีมากกว่าความต้องการ
สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งความกังวลต่อการแพร่ระบาดระลอกสองของไวรัสโควิด-19 ความขัดแย้งทางการเมือง และมาตรการของสถาบันการเงินที่เข้มงวด เป็นปัจจัยกดดันให้ธุรกิจการก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังมีโอกาสฟื้นตัวจากผู้บริโภคในตลาดบน ที่ยังคงมีกำลังซื้อ และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่ราคาปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก แม้จะยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศ ประกอบกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ และมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ น่าจะเป็นปัจจัยที่สามารถส่งเสริมความต้องการก่อสร้างภายในประเทศให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์