ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนตุลาคม 2564

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 5, 2021 12:18 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนตุลาคม 2564 เท่ากับ 115.4 เทียบกับเดือนตุลาคม 2563 สูงขึ้นร้อยละ 10.0 (YoY) ซึ่งสูงขึ้นเกือบทุกกลุ่มสินค้า เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สำคัญมีการปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ได้แก่ เหล็ก อลูมิเนียม ถ่านหิน และน้ำมัน ส่งผลต่อต้นทุนอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งหมดฤดูมรสุมและเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีรายได้ ประกอบกับการประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นปัจจัยส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง พร้อมทั้งการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นตัวเร่งผลักดันให้กิจกรรมการก่อสร้างเริ่มกลับมาดำเนินการได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนมีการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง แต่ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง

1. เทียบกับเดือนตุลาคม 2563 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 10.0 โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ดังนี้ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 1.9 จากการสูงขึ้นของไม้แบบ ไม้โครงคร่าว บานประตู-หน้าต่าง วงกบประตู-หน้าต่าง ไม้คาน ไม้พื้น เนื่องจากราคาต้นทุนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต สูงขึ้นร้อยละ 5.3 ซึ่งยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ชีทไพล์คอนกรีต ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป เสาเข็มคอนกรีต คอนกรีตผสม เนื่องจากราคาต้นทุนสูงขึ้นจากวัตถุดิบ คือ เหล็ก เป็นสำคัญ ประกอบกับฐานต่ำในปีที่ผ่านมา หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สูงขึ้นร้อยละ 39.4 จากการสูงขึ้นของผลิตภัณฑ์เหล็กเกือบทุกหมวดสินค้า เนื่องจากราคาเหล็กตลาดโลกยังคงผันผวน จากการสั่งลดกำลังการผลิตเหล็กในประเทศจีน ในขณะที่ความต้องการตลาดโลกสูงขึ้น จากการเร่งการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายมากขึ้น ส่งผลให้ราคาเหล็กในประเทศยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินค้าสำคัญที่สูงขึ้น ได้แก่ เหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ลวดเหล็ก เป็นต้น หมวดวัสดุฉาบผิว สูงขึ้นร้อยละ 0.1 สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการสูงขึ้นของซิลิโคน หมวดสุขภัณฑ์ สูงขึ้นร้อยละ 0.2 สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการสูงขึ้นของ ราวแขวนผ้าติดผนัง ฝักบัวอาบน้ำ กระจกเงา และฉากกั้นห้องอาบน้ำสำเร็จรูป หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 4.2 ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินค้าสำคัญที่สูงขึ้น ได้แก่ สายไฟฟ้า VCT ประตูน้ำ สายเคเบิล THW ก๊อกน้ำ ข้องอ-ข้อต่อท่อประปา ท่อร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์ PVC เป็นต้น เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น จากการปรับราคาสูงขึ้นของสินค้าในกลุ่มโลหะ ได้แก่ เหล็ก ทองแดง และอลูมิเนียม และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 3.1 จากการสูงขึ้นของสินค้าในกลุ่ม อิฐ หิน ดิน ทราย ยางมะตอย และอลูมิเนียม เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่หมวดสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงลดลง ได้แก่ หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 0.7 จากการลดลงของปูนซีเมนต์ผสม และปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เนื่องจากมีการแข่งขันสูงจากโครงการก่อสร้างภาครัฐ ในขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนยังคงซบเซาจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 และหมวดกระเบื้อง ลดลงร้อยละ 0.1

2. เทียบกับเดือนกันยายน 2564 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 1.6 โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ดังนี้ หมวดซีเมนต์ สูงขึ้นร้อยละ 1.1 จากการสูงขึ้นของ ปูนซีเมนต์ผสม ปูนฉากสำเร็จรูป และปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น อีกทั้งเริ่มมีความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้น หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต สูงขึ้นร้อยละ 1.0 จากการสูงขึ้นของเสาเข็มคอนกรีต ชีทไพล์คอนกรีต และคอนกรีตผสม เนื่องจากการสูงขึ้นของราคาต้นทุน คือ เหล็ก น้ำมัน ปูน และถ่านหิน หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สูงขึ้นร้อยละ 3.5 เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการราคาเศษเหล็กและถ่านหินโค้ก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของการผลิตเหล็ก ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เหล็กราคาเพิ่มสูงขึ้น โดยสินค้าสำคัญที่สูงขึ้น ได้แก่ ชีทไพล์เหล็ก ตะแกรงเหล็กสำเร็จรูป เหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย ลวดผูกเหล็ก เป็นต้น หมวดวัสดุฉาบผิว สูงขึ้นร้อยละ 0.1 จากการสูงขึ้นของซิลิโคน หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 0.1 จากการสูงขึ้นของ ท่อพีอี เนื่องจากวัตถุดิบปรับราคาสูงขึ้น และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 2.2 จากการสูงขึ้นของ อลูมิเนียม และยางมะตอย เนื่องจากราคาต้นทุนสูงขึ้น ส่วนสินค้าที่ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ หมวดกระเบื้อง และหมวดสุขภัณฑ์

3. เฉลี่ย 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปี 2564 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (AoA) สูงขึ้นร้อยละ 7.8 โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ดังนี้ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 1.8 จากการสูงขึ้นของบานประตู-หน้าต่าง วงกบประตู-หน้าต่าง ไม้คาน ไม้โครงคร่าว ไม้แบบ และไม้พื้น เนื่องจากต้นทุนเฉลี่ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต สูงขึ้นร้อยละ 2.0 จากการสูงขึ้นของชีทไพล์คอนกรีต เสาเข็มคอนกรีต ผนังคอนกรีตสำเร็จเร็จรูป คอนกรีตผสม ถังซีเมนต์สำเร็จรูป และท่อระบายน้ำคอนกรีต เนื่องจากราคาต้นทุนเฉลี่ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สูงขึ้นร้อยละ 34.0 จากการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเกือบทุกรายการสินค้า ผลต่อเนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หมวดกระเบื้อง สูงขึ้นร้อยละ 0.4 จากการสูงขึ้นของ กระเบื้องยาง PVC ปูพื้น กระเบื้องแกรนิต และกระเบื้องลอนคู่ จากราคาต้นทุนเฉลี่ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 3.4 จากการสูงขึ้นของสินค้าที่สำคัญ ได้แก่ สายเคเบิล THW สายไฟฟ้า VCT ท่อร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์ PVC ท่อ PVC ข้องอ-ข้อต่อท่อประปา ก๊อกน้ำ ประตูน้ำ เป็นต้น ซึ่งยังเป็นผลต่อเนื่องจากราคาวัตถุดิบเป็นสำคัญ ได้แก่ เหล็ก ทองแดง และอลูมิเนียมที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 1.6 จากการสูงขึ้นของสินค้าในกลุ่ม หิน ดิน ทราย อลูมิเนียมแผ่นเรียบ วงกบอลูมิเนียม และยางมะตอย เนื่องจากราคาต้นทุนเฉลี่ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่หมวดสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงลดลง ได้แก่ หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 1.8 จากการลดลงของปูนซีเมนต์ผสม ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากการก่อสร้างที่ยังคงซบเซาต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ราคาเฉลี่ยลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหมวดวัสดุฉาบผิว ลดลงร้อยละ 0.1 จากการลดลงของสีทาถนน ชนิดสะท้อนแสง และซิลิโคน ส่วนหมวดสุขภัณฑ์ ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง

4. แนวโน้มดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤศจิกายน 2564

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤศจิกายน 2564 ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ที่ราคายังคงอยู่ในระดับสูง จากความต้องการใช้เหล็กทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การผ่อนคลายเกณฑ์การให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่อง (มาตรการ LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศสูงขึ้นในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม แม้การกระจายวัคซีนและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 จะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น รวมถึง โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ที่สามารถดำเนินการได้ภายใต้มาตรการควบคุมโรค แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายพื้นที่ยังคงยืดเยื้อ ทำให้การฟื้นตัวของภาคการก่อสร้างและธุรกิจที่เกี่ยวข้องยังเปราะบาง รวมทั้ง ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น อาจส่งผลให้ราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กภายในประเทศชะลอตัวจากช่วงก่อนหน้า และเป็นแรงกดดันต่อดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างต่อไป

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ