ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2566

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 7, 2023 15:17 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เท่ากับ 108.05(ปีฐาน 2562 =100)

เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงร้อยละ1. เดือนกุมภาพันธ์2565 (YoY)สูงขึ้น3.79 2. เดือนมกราคม 2566 (MoM) ลดลง-0.12 3.เฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค. -ก.พ.) ปี 2566

สูงขึ้น4.40 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (AoA)Highlights ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2566เท่ากับ 108.05 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 3.79 (YoY)เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 (เดือนมกราคม 2566 สูงขึ้นร้อยละ 5.02) โดยมีปัจจัยสำคัญจากการชะลอตัวของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเพียงร้อยละ 5.03 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง 1 บาท/ลิตร รวมทั้งสินค้ากลุ่มอาหารสดหลายชนิดราคาลดลง เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา อาทิ ข้าวสารเจ้า เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น นอกจากนี้ ราคาสินค้าในกลุ่มเครื่องประกอบอาหารลดลง โดยเฉพาะน้ำมันพืช (น้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลือง) จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนนี้เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงร้อยละ-0.12 (MoM)และเฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค. -ก.พ.) 2566 สูงขึ้นร้อยละ 4.40 (AoA)

ทั้งนี้ เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวร้อยละ 1.93 (YoY)เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สูงขึ้นร้อยละ 0.11 (MoM)และเฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) 2566 สูงขึ้นร้อยละ 2.48 (AoA)1. เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2565 สูงขึ้นร้อยละ 3.79(YoY)โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้*หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 5.74 ตามการสูงขึ้นของกลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้งร้อยละ 3.93 จากการสูงขึ้นของราคาข้าวสารเจ้าข้าวสารเหนียว และขนมอบ กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำร้อยละ 3.92 จากการสูงขึ้นของราคาไก่สด ปลาทู และเนื้อสุกร กลุ่มไข่และผลิตภัณฑ์นมร้อยละ 9.41 จากการสูงขึ้นของราคาไข่ไก่ นมถั่วเหลือง และนมเปรี้ยว กลุ่มผักสดร้อยละ 15.50 จากการสูงขึ้นของราคามะนาว แตงกวา และผักกาดขาว กลุ่มผลไม้สดร้อยละ 9.57 จากการสูงขึ้นของราคาแตงโม ส้มเขียวหวาน และมะม่วง กลุ่มเครื่องประกอบอาหารร้อยละ 1.76 จากการสูงขึ้นของราคาซีอิ๊ว น้ำพริกแกง และซอสหอยนางรม กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ร้อยละ 4.64 จากการสูงขึ้นของราคากาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น) กาแฟผงสำเร็จรูป และน้ำอัดลม กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านร้อยละ 4.95 จากการสูงขึ้นของราคากับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว และข้าวแกง/ข้าวกล่อง และกลุ่มอาหารบริโภคนอกบ้านร้อยละ 4.36จากการสูงขึ้นของราคาอาหารเช้า อาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) และอาหารเย็น (อาหารตามสั่ง)*หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 2.47 โดยมีสาเหตุหลักจากการสูงขึ้นของหมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสารร้อยละ 2.45 จากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 5.03 และค่าโดยสารสาธารณะ ร้อยละ 6.54 หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าร้อยละ 0.28 จากการสูงขึ้นของราคาเสื้อยืดสตรี เครื่องแบบนักเรียนอนุบาล และค่าจ้างซักรีดหมวดเคหสถานร้อยละ 3.08 จากการสูงขึ้นของราคาค่ากระแสไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม และค่าเช่าบ้าน หมวดการตรวจรักษา และบริการส่วนบุคคลร้อยละ 2.00 จากการสูงขึ้นของราคาค่าแต่งผมชาย ยาสีฟัน และสบู่ถูตัวหมวดการบันเทิง การอ่านการศึกษาฯร้อยละ 1.39จากการสูงขึ้นของราคาค่าเล่าเรียนค่าธรรมเนียมการศึกษาในทุกระดับชั้น และอาหารสัตว์เลี้ยง หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ร้อยละ 1.13 จากการสูงขึ้นของราคาเบียร์ สุรา และไวน์ และกลุ่มการสื่อสารร้อยละ 0.02 จากการสูงขึ้นของค่าส่งพัสดุ 2. เทียบกับเดือนมกราคม 2566ลดลงร้อยละ -0.12(MoM)โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลงร้อยละ -0.41 โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้งร้อยละ -0.21 จากการลดลงของราคาข้าวสารเจ้า อาหารธัญพืช และเส้นหมี่ กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำร้อยละ -0.50 จากการลดลงของราคาเนื้อสุกร ไก่สด และเครื่องในหมู กลุ่มผักสดร้อยละ -4.58จากการลดลงของราคาผักคะน้า ผักชี และต้นหอม กลุ่มผลไม้สดร้อยละ -1.08 จากการลดลงของราคามะม่วง ส้มเขียวหวาน และแตงโม และกลุ่มเครื่องประกอบอาหารร้อยละ -0.23 จากการลดลงของราคาน้ำมันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) และเครื่องปรุงรส สำหรับสินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ กลุ่มไข่ และผลิตภัณฑ์นม ร้อยละ 0.23จากการสูงขึ้นของราคานมถั่วเหลือง นมเปรี้ยว และนมสด กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ร้อยละ 0.45 จากการสูงขึ้นของราคากาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่ม กาแฟผงสำเร็จรูป และกาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น) กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านร้อยละ 0.32จากการสูงขึ้นของราคากับข้าวสำเร็จรูป ข้าวแกง/ข้าวกล่อง และก๋วยเตี๋ยว และกลุ่มอาหารบริโภคนอกบ้าน ร้อยละ 0.24จากการสูงขึ้นของราคาอาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) อาหารเย็น (อาหารตามสั่ง) และอาหารเช้าหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 0.09 โดยมีสาเหตุหลักจากการสูงขึ้นของหมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสารร้อยละ 0.15จากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 0.31และค่าโดยสารสาธารณะ ร้อยละ 0.30 หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ร้อยละ 0.08 จากการสูงขึ้นของราคาเสื้อยืดสตรี รองเท้าหุ้มส้นหนังบุรุษ และเสื้อยืดบุรุษ หมวดเคหสถานร้อยละ 0.04 จากการสูงขึ้นของราคาน้ำยาล้างห้องน้ำ สารกำจัดแมลง/ไล่แมลง และผงซักฟอก หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคลร้อยละ 0.07 จากการสูงขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว ค่าแต่งผมสตรี และแป้งทาผิวกาย หมวดการบันเทิง การอ่านการศึกษาฯร้อยละ 0.06 จากการสูงขึ้นของราคาเครื่องถวายพระ อาหารสัตว์เลี้ยง และค่าห้องพักโรงแรม หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ร้อยละ 0.16จากการสูงขึ้นของราคาเบียร์ และสุรา ขณะที่กลุ่มการสื่อสาร ราคาโดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง

3. เฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค. -ก.พ.) ปี 2566 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 4.40(AoA) โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 6.71 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าทุกกลุ่ม โดยกลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้งสูงขึ้นร้อยละ 4.71 จากการสูงขึ้นของราคาข้าวสารเจ้า และข้าวสารเหนียว กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำร้อยละ 3.31 จากการสูงขึ้นของราคาไก่สด ไก่ย่าง และปลาทู กลุ่มไข่และผลิตภัณฑ์นมร้อยละ 9.54 จากการสูงขึ้นของราคาไข่ไก่ และนมสด กลุ่มผักสดร้อยละ 17.58 จากการสูงขึ้นของราคาผักกาดขาว มะนาว และผักคะน้า กลุ่มผลไม้สดร้อยละ 9.84 จากการสูงขึ้นของราคาส้มเขียวหวาน มะละกอสุก และแตงโม กลุ่มเครื่องประกอบอาหารร้อยละ 3.65 จากการสูงขึ้นของราคาซีอิ๊ว น้ำพริกแกง และกะปิ กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ร้อยละ 4.90 จากการสูงขึ้นของราคากาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น) กาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่ม และกาแฟผงสำเร็จรูป กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านร้อยละ 7.02 จากการสูงขึ้นของราคากับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว และข้าวแกง/ข้าวกล่อง) และกลุ่มอาหารบริโภคนอกบ้านร้อยละ 6.42 จากการสูงขึ้นของราคาอาหารเช้า อาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) และอาหารเย็น (อาหารตามสั่ง))หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 2.82 โดยมีปัจจัยหลักจากการสูงขึ้นของหมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสารร้อยละ 3.35 ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 7.35 และค่าโดยสารสาธารณะ ร้อยละ6.39 หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าร้อยละ 0.25 จากการสูงขึ้นของราคาเสื้อกล้าม และถุงเท้าบุรุษหมวดเคหสถานร้อยละ3.09จากการสูงขึ้นของราคาค่ากระแสไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม หมวดการตรวจรักษา และบริการส่วนบุคคลร้อยละ 1.97 จากการสูงขึ้นของราคาแชมพู สบู่ถูตัว และยาสีฟัน หมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษาฯร้อยละ 1.40 จากการสูงขึ้นของราคาค่าห้องพักโรงแรม และค่าอาหารสัตว์เลี้ยง หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ร้อยละ 1.05 จากการสูงขึ้นของราคาบุหรี่ เบียร์ และสุรา และกลุ่มการสื่อสาร สูงขึ้นร้อยละ 0.01 จากการสูงขึ้นของค่าขนส่งพัสดุ

4. อัตราการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ (YoY) จำแนกรายภาค เดือนกุมภาพันธ์ 2566 1. กรุงเทพฯ และปริมณฑล 4.02 6.79 2.31 2. ภาคกลาง 3.46 4.67 2.65 3.ภาคเหนือ4.07 6.05 2.58 4. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3.61 5.22 2.38 5. ภาคใต้3.98 6.20 2.40 ดัชนีราคาผู้บริโภคจำแนกรายภาค พบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในทุกภาคเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงในทุกภูมิภาคซึ่งในเดือนนี้อัตราเงินเฟ้อของภาคเหนือสูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ โดยสูงขึ้นร้อยละ 4.07 รองลงมา ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล สูงขึ้นร้อยละ 4.02 ภาคใต้ สูงขึ้นร้อยละ3.98และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สูงขึ้นร้อยละ 3.61ในขณะที่ภาคกลางสูงขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าทุกภูมิภาคที่ร้อยละ 3.46

เมื่อพิจารณาเป็นรายสินค้า พบว่า สินค้าสำคัญที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นในทุกภาค ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สหุงต้ม อาหารกลางวัน(ข้าวราดแกง) กับข้าวสำเร็จรูป ไก่สด และไข่ไก่สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาลดลงในทุกภาคได้แก่ เนื้อสุกร น้ำมันพืช ผักสด อาทิ ผักชี ผักคะน้า และพริกสด เป็นต้น

5. แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2566

คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตามราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดหลายรายการที่คาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาและราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับฐานราคาในเดือนมีนาคม 2565ค่อนข้างสูง การส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มลดลงตามอุปสงค์โลก และการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด จะกดดันต่อการขยายตัวของเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าปีที่ผ่านมา ราคาก๊าซหุงต้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการยังคงขยายตัวได้ดี จะส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอตัวไม่มากนัก นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และภัยแล้งทั้งในและต่างประเทศ อาจจะส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก และจะส่งผลมายังราคาสินค้าและบริการของไทยตามลำดับ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ระหว่างร้อยละ 2.0 -3.0 ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ