ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศเดือนกรกฎาคม 2566

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 28, 2023 13:23 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศ แบ่งตามกิจกรรมการผลิต (CPA : Classification of Products by Activity) เดือนกรกฎาคม 2566 (ปี 2558 = 100) เท่ากับ 108.8 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2565 ลดลงร้อยละ 5.1 (YoY) ตามการลดลงของราคาสินค้าสำคัญทั้ง 3 หมวดหลัก ประกอบด้วย หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 4.7 จากราคาสินค้าที่เคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลก โดยกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และโลหะขั้นมูลฐาน (เหล็ก) หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 23.0 จากกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ ปิโตรเลียมดิบและก๊าซธรรมชาติ และสินแร่โลหะ และหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 1.1 เป็นผลจากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลปาล์มสด ยางพารา สุกรมีชีวิต และผลิตภัณฑ์จากการประมง อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือก หัวมันสำปะหลังสด พืชผัก ผลไม้ ปลาน้ำจืด และไข่ไก่

1. เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2565 (YoY) ลดลงร้อยละ 5.1 โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 4.7 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 น้ำมันเตา และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ราคาเคลื่อนไหวตามตลาดโลก ซึ่งมีทิศทางปรับลดลงมาตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก โซดาไฟ เนื่องจากราคาปรับลดลงตามราคาอ้างอิงตลาดต่างประเทศ ประกอบกับความต้องการของตลาดชะลอตัว และปุ๋ยเคมีผสม เนื่องจากราคาวัตถุดิบลดลง กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เนื่องจากสินค้าบางรุ่นปรับราคาลดลงก่อนการผลิตรุ่นใหม่ทดแทน สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน น้ำยางข้น ถุงมือยาง แผ่นฟิล์มพลาสติก และบรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ และกลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กแท่ง เหล็กเส้น ท่อเหล็กกล้า และเหล็กแผ่น เนื่องจากราคาวัตถุดิบลดลง หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 23.0 จากการลดลงของราคาสินค้า ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และสินแร่โลหะ (สังกะสี ยิปซัม เหล็ก ดีบุก) ราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลกที่ลดลง หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 1.1 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากมีการนำเข้าข้าวโพดและข้าวสาลีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวโพดในประเทศปรับตัวลดลง กลุ่มไม้ยืนต้น ได้แก่ ผลปาล์มสด เนื่องจากปริมาณผลผลิตในประเทศออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลก มีการปรับตัวลดลงจากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันของโลกที่สูงขึ้น ยางพารา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องลดลง กลุ่มสัตว์ ได้แก่ สุกรมีชีวิต และโคมีชีวิต เนื่องจากปริมาณผลผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งจากการนำเข้าและการผลิตของเกษตรกรบางส่วนในประเทศ ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง และผลิตภัณฑ์จากการประมง ได้แก่ กุ้งแวนนาไม และปลากะพง เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นโดยเฉพาะกุ้งแวนนาไม ขณะที่ความต้องการบริโภคทรงตัว สำหรับสินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดประเทศ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ระดับปกติ หัวมันสำปะหลังสด เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น พืชผัก (มะนาว พริกแห้ง ถั่วฝักยาว ผักคะน้า พริกสด กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง หน่อไม้ฝรั่ง ผักขึ้นฉ่าย แตงกวา ผักกาดขาว ผักชี มะเขือ) และผลไม้ (สับปะรด ทุเรียน ลำไย มะละกอสุก ชมพู่ กล้วยไข่ องุ่น) เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง จากสภาพอากาศที่แปรปรวน และปริมาณน้ำที่มีใช้ในภาคการเกษตรน้อย ปลาน้ำจืด (ปลานิล ปลาดุก ปลาตะเพียน ปลาช่อน) เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น และไข่ไก่ เนื่องจากความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น

2. เทียบกับเดือนมิถุนายน 2566 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 0.3 โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 0.6 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว จากการปรับลดกำลังการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์ ได้แก่ เตาแก๊ส เนื่องจากผู้ผลิตบางรายปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ ซึ่งไม่ได้ปรับราคาสินค้าหลายปีแล้ว กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถยนต์นั่งต่ำกว่า 1,800 ซีซี และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ ได้แก่ คอนกรีตผสมเสร็จ โถส้วม ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เสาเข็มคอนกรีต และอ่างล้างหน้า เนื่องจากผู้ผลิตบางรายปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต อาทิ ราคาวัตถุดิบ ค่าไฟฟ้า และค่าขนส่งวัตถุดิบ เป็นต้น และกลุ่มไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ได้แก่ ไม้ยางพารา เนื่องจากผลิตสินค้าได้น้อยในช่วงฤดูฝน ส่งผลให้ราคาปรับสูงขึ้น หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 0.9 จากการลดลงของราคาสินค้า ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และสินแร่โลหะ (สังกะสี ดีบุก) ตามทิศทางราคาตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 1.9 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ หัวมันสำปะหลังสด เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่มีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้คุณภาพเชื้อแป้งลดลง ประกอบกับอยู่ในช่วงที่ลานมันทยอยปิดรับซื้อ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากราคาเริ่มกลับสู่ภาวะปกติเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีราคาสูง ประกอบกับปริมาณความต้องการใช้ในการเลี้ยงปศุสัตว์เริ่มลดลง ยางพารา เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูการเปิดกรีดยาง ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น พืชผัก (มะนาว ต้นหอม ผักชี ถั่วฝักยาว ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง หน่อไม้ฝรั่ง ผักกาดขาว ผักกาดหอม พริกสด) เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในการเพาะปลูก กลุ่มไม้ยืนต้น ได้แก่ มะพร้าวผล เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมาก กลุ่มสัตว์ ได้แก่ สุกรมีชีวิต เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากกว่าความต้องการบริโภค ประกอบกับมีปัญหาเนื้อสุกรเถื่อนที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มปรับตัวลดลง โคมีชีวิต และไก่มีชีวิต เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการบริโภคชะลอตัว และกลุ่มปลาและสัตว์น้ำ ได้แก่ กุ้งแวนนาไม ปลาลัง ปลาช่อน ปลาทูสด และปลาหมึกกล้วย เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมาก สวนทางกับปริมาณความต้องการที่ลดลง สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาปรับสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่ผู้ประกอบการโรงสีมีความต้องการรับซื้อเพื่อส่งมอบให้กับคู่ค้า ผลไม้ (สับปะรด ลำไย ส้มเขียวหวาน กล้วยไข่ ฝรั่ง มะม่วง องุ่น) เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย และกลุ่มสัตว์ ได้แก่ ไข่ไก่ และไข่เป็ด เนื่องจากความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น

3. เฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค. ? ก.ค.) ปี 2566 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 (AoA) ลดลงร้อยละ 2.7 โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 2.8 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันก๊าด และน้ำมันหล่อลื่น กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก โซดาไฟ และกรดเกลือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแท่ง น้ำยางข้น ยางแผ่นรมควัน ถุงมือยาง แผ่นฟิล์มพลาสติก ท่อพลาสติก และข้อต่อพลาสติก และกลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กเส้น เหล็กแท่ง เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กลวด และท่อเหล็กกล้า หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 6.7 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และสินแร่โลหะ (สังกะสี) หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ดัชนีเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง โดยราคาสินค้าสำคัญ ที่สูงขึ้น ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว หัวมันสำปะหลังสด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย ผลไม้ (สับปะรดโรงงาน ลำไย) พืชผัก (มะนาว ต้นหอม พริกแห้ง พริกสด ถั่วฝักยาว) ไก่มีชีวิต ไข่ไก่ และปลาหมึกกล้วย ส่วนราคาสินค้าสำคัญที่ลดลง ประกอบด้วย ผลปาล์มสด ยางพารา ทุเรียน สุกรมีชีวิต โคมีชีวิต และกุ้งแวนนาไม

4. แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนสิงหาคม 2566

ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนสิงหาคม 2566 มีแนวโน้มลดลง ตามราคาพลังงานที่แม้ช่วงเดือนที่ผ่านมาจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังคงต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งส่งผลให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่องในหมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และหมวดอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ฐานราคาปี 2565 ที่อยู่ในระดับสูง การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าสำคัญ และการลงทุนภาครัฐที่ชะลอตัวจากการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลใหม่ ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการโดยรวม ซึ่งจะทำให้ดัชนีราคาผู้ผลิตมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ราคาพลังงานที่ยังคงผันผวน สภาพอากาศแปรปรวนที่อาจส่งผลต่อปริมาณผลผลิตทางการเกษตรและประมง ต้นทุนการผลิตที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าจ้างแรงงาน และอัตราดอกเบี้ย การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ซึ่งจะกระทบต่อภาคการผลิตและดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศไทยตามลำดับ ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ดัชนีราคาผู้ผลิต แบ่งตามขั้นตอนการผลิต (SOP : Stage of Processing) พบว่า ดัชนีหมวดสินค้าสำเร็จรูป หมวดสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (แปรรูป) และหมวดสินค้าวัตถุดิบ ลดลงร้อยละ 0.4 11.7 และ 11.3 ตามลำดับ โดยมีสินค้าสำคัญในห่วงโซ่อุปทานที่ราคาปรับลดลงตามวัตถุดิบ ได้แก่ ผลปาล์มสด -> น้ำมันปาล์มดิบ -> น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ และ น้ำยางสด/ยางแผ่นดิบ/เศษยาง -> ยางแผ่นรมควัน/ยางแท่ง -> ถุงมือยาง/ถุงยางอนามัย/ยางรัดของ

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ