ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนกันยายน 2566 ปรับเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 55.7จากระดับ 53.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 (นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565) สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันปรับเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 46.5จากระดับ 44.1 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ปรับเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 61.9จากระดับ 59.6สาเหตุสำคัญของการปรับเพิ่มขึ้นคือ 1)เศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการบริการที่มีการเปิดฟรีวีซ่าให้ผู้เดินทางสัญชาติจีนที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย 2)นโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลชุดใหม่ ด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เน้นสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ที่มีแผนการดำเนินงาน อย่างเร่งด่วน ระยะกลางและยาว 3)ความชัดเจนทางการเมือง ที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามราคาสินค้าและบริการ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังอยู่ในระดับสูง เป็นปัจจัยทอนส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนปรับตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อพิจารณาปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคพบว่า ปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 44.84รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ คิดเป็น ร้อยละ 14.18 การเมือง คิดเป็นร้อยละ 10.81 ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง คิดเป็นร้อยละ 8.52สังคม/ความมั่นคง คิดเป็นร้อยละ 6.37เศรษฐกิจโลก คิดเป็นร้อยละ 6.29 ราคาสินค้าเกษตรคิดเป็นร้อยละ 6.00 อื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 1.69 และภัยพิบัติ/โรคระบาด คิดเป็นร้อยละ 1.29ตามลำดับ
เมื่อพิจารณารายภูมิภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 54.4 มาอยู่ที่ระดับ 54.9โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทยผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและสังคม/ความมั่นคง
ภาคกลาง จากระดับ 53.9 มาอยู่ที่ระดับ 56.1 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย การเมือง และมาตรการของภาครัฐ
ภาคเหนือจากระดับ 51.6 มาอยู่ที่ระดับ 54.5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากระดับ 54.3 มาอยู่ที่ระดับ 57.0 และภาคใต้จากระดับ 52.9 มาอยู่ที่ระดับ 54.9 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทยมาตรการของภาครัฐและการเมือง
เมื่อพิจารณาจำแนกรายอาชีพ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ เกษตรกร ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 52.6 มาอยู่ที่ระดับ 55.8 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย ราคาสินค้าเกษตร และการเมือง
พนักงานเอกชน จากระดับ 52.5 มาอยู่ที่ระดับ 54.3 รับจ้างอิสระ จากระดับ 51.3 มาอยู่ที่ระดับ52.8 พนักงานของรัฐ จากระดับ 58.3 มาอยู่ที่ระดับ 61.3 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย มาตรการของภาครัฐ และการเมือง
ผู้ประกอบการ จากระดับ 55.0มาอยู่ที่ระดับ 57.6โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทยมาตรการของภาครัฐและผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
นักศึกษา จากระดับ 51.6 มาอยู่ที่ระดับ 53.2 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทยสังคม/ความมั่นคงและการเมือง
ขณะที่ ไม่ได้ทำงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลง จากระดับ 52.6 มาอยู่ที่ระดับ 52.0โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย การเมือง และมาตรการของภาครัฐ
เมื่อพิจารณาจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 53.0 มาอยู่ที่ระดับ55.8
ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์