ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนตุลาคม 2566 ปรับเพิ่มเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 55.8จาก 55.7 ในเดือนก่อนหน้า โดยปรับเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 (นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565) โดยปรับเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 (นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565) สำหรับดัชนี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันปรับเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 47.0 จาก 46.5 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ปรับลดมาอยู่ที่ระดับ 61.6จาก 61.9สาเหตุของการปรับเพิ่มคาดว่ามาจาก1)เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดจากภาคการท่องเที่ยวและการบริการ รวมถึงการส่งออกของไทยที่ขยายตัวติดต่อกันในเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมา2)นโยบายจากภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการเร่งแก้ไขปัญหาภาระค่าครองชีพ และ 3)แนวโน้มราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เริ่มผ่อนคลายลง ในขณะที่ความขัดแย้งในภูมิภาคต่าง ๆอาจจะมีความรุนแรงและจำกัดผลกระทบในกรอบแคบ ๆ มากกว่าที่เคยคาดการณ์ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค
เมื่อพิจารณาปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคพบว่า ปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.60 รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ คิดเป็น ร้อยละ 14.15 เศรษฐกิจโลก คิดเป็นร้อยละ 8.98ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง คิดเป็นร้อยละ 7.39 สังคม/ความมั่นคง คิดเป็นร้อยละ 7.30 การเมืองคิดเป็นร้อยละ 7.28 ราคาสินค้าเกษตรคิดเป็นร้อยละ 5.28 อื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 1.72 และภัยพิบัติ/โรคระบาด คิดเป็นร้อยละ 1.30ตามลำดับ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภาค
เมื่อพิจารณารายภูมิภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 54.9มาอยู่ที่ระดับ 55.9โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลกและสังคม/ความมั่นคง
ภาคเหนือจากระดับ 54.5 มาอยู่ที่ระดับ 57.3 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย มาตรการของภาครัฐและการเมือง
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาคกลาง จากระดับ 56.1มาอยู่ที่ระดับ 55.3โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย มาตรการของภาครัฐ และการเมือง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากระดับ 57.0 มาอยู่ที่ระดับ 56.3 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทยมาตรการของภาครัฐและเศรษฐกิจโลก
ภาคใต้จากระดับ 54.9มาอยู่ที่ระดับ 53.1โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก และมาตรการของภาครัฐ
เมื่อพิจารณาจำแนกรายอาชีพ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ เกษตรกร จากระดับ 55.8 มาอยู่ที่ระดับ 58.1 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทยราคาสินค้าเกษตร และมาตรการของภาครัฐ
นักศึกษา จากระดับ 53.2 มาอยู่ที่ระดับ 54.4 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย สังคม/ความมั่นคงและการเมือง
ไม่ได้ทำงาน จากระดับ 52.0 มาอยู่ที่ระดับ 52.4โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3 อันดับแรก คือเศรษฐกิจไทย มาตรการของภาครัฐ และการเมือง
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ พนักงานเอกชน จากระดับ 54.3 มาอยู่ที่ระดับ 53.4 ผู้ประกอบการ จากระดับ 57.6 มาอยู่ที่ระดับ 57.0 และรับจ้างอิสระ จากระดับ 52.8มาอยู่ที่ระดับ 52.6 โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น3 อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย มาตรการของภาครัฐ และเศรษฐกิจโลก
พนักงานของรัฐ จากระดับ 61.3มาอยู่ที่ระดับ 60.5โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น 3อันดับแรก คือ เศรษฐกิจไทย มาตรการของภาครัฐ และสังคม/ความมั่นคง
เมื่อพิจารณาจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลง จากระดับ 55.8มาอยู่ที่ระดับ 52.9
ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์