ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศเดือนมิถุนายน 2567 และระยะ 6 เดือนแรกของปี 2567

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 25, 2024 11:39 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

Highlights

ดัชนีราคาส่งออก เดือนมิถุนายน 2567 เท่ากับ 110.5เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ที่ร้อยละ 1.8 (YoY)ปัจจัยหลักยังคงเป็นผลจากฐานราคาเดือนมิถุนายน 2566 ที่อยู่ในระดับต่ ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรส คัญ

ส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดน้อยลง รวมถึงการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังขยายตัวดี

แม้อุปสงค์โลกจะมีอย่างจ กัด ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังส่งผลให้ดัชนีราคาส่งออกปรับ

สูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 8.6 โดยเฉพาะน มันส้าเร็จรูป จากฐานราคา

ปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับต้า ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน มันตึงตัว หมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 6.5 ได้แก่

ยางพารา ตามความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ นทั งในประเทศและต่างประเทศข้าว ตามความต้องการของประเทศคู่ค้าที่มีอย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับอินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ยังคงมาตรการจ้ากัดการส่งออก และผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ตามความต้องการ

บริโภคผลไม้ไทยเพิ่มขึ น หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 1.6 ได้แก่ น ตาลทราย จากอุปทานน ตาลโลกตึงตัว

โดยเฉพาะผลผลิตน ตาลของอินเดียซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน ตาลรายใหญ่ลดลงจากปัญหาภัยแล้งและโรคเหี่ยวเน่าแดงในต้นอ้อย

อาหารสัตว์เลี ยง ตามกระแสความนิยมสัตว์เลี ยงในปัจจุบันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ น และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ตามต้นทุนวัตถุดิบและ

ความต้องการจากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ น และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.0 ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

เนื่องจากความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กเพิ่มขึ นในตลาดส่งออกส้าคัญอย่างสหรัฐฯ ทองค้า ราคายังทรงตัวสูง เมื่อเทียบกับปีก่อน

ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื นที่

ท้าให้ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ มีการเพิ่มปริมาณส้ารองทองค้า เม็ดพลาสติก ตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ น และเครื่องปรับอากาศ

และส่วนประกอบ เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงขึ น ท้าให้ความต้องการเพิ่มขึ น

ดัชนีราคาน เข้า เดือนมิถุนายน 2567 เท่ากับ 112.7เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ที่ร้อยละ 3.6 (YoY) ปัจจัยหลักเป็นผลจากฐานของปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับต่ ขณะที่ความต้องการน เข้าสินค้าขยายตัวดี

ต่อเนื่องเกือบทุกหมวดสินค้า โดยหมวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ

8.0 โดยเฉพาะน มันดิบ จากฐานราคาน มันเดือนมิถุนายน 2566 ที่อยู่ในระดับต้าเป็นส้าคัญ ขณะที่ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม

ราคายังคงต้ากว่าปี 2566 ตามปริมาณการส้ารองก๊าซที่อยู่ในระดับสูง แต่มีทิศทางหดตัวในอัตราน้อยลง หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค

สูงขึ้นร้อยละ 3.7 ได้แก่ เครื่องประดับอัญมณี ผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งท้าจากผักและผลไม้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน

ตามความต้องการใช้ในการอุปโภคบริโภคและรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มขึ น หมวดสินค้าวัตถุดิบ

และกึ่งส เร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 3.5 ได้แก่ ทองค้า ได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่า

ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี ย ท้าให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ น ส้าหรับอุปกรณ์ ส่วนประกอบ

เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และสินแร่โลหะอื่น ๆเศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ตามความต้องการสินค้าเพื่อน้ามาใช้เป็นวัตถุดิบ

ในการผลิตเพิ่มขึ น และหมวดสินค้าทุน สูงขึ้นร้อยละ 1.2 ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความต้องการ

คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และอุปกรณ์เพื่อใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มขึ น และเครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์

การทดสอบ ตามความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรคเพิ่มขึ น ขณะที่หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง

หดตัวในอัตราน้อยลง อยู่ที่ร้อยละ 0.9ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และรถยนต์นั่งตามการชะลอตัวของตลาดในประเทศ

เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปัญหาหนี ครัวเรือน ท้าให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื อ

แนวโน้มดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคาน เข้า ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัย

สนับสนุนจาก 1) ฐานราคาปี 2566 อยู่ในระดับต้า 2) แนวโน้มการค้าโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ น 3) ราคาสินค้าเกษตร

ยังอยู่ในระดับสูงจากผลกระทบปัญหาภัยธรรมชาติ 4) ราคาน มันดิบที่ยังทรงตัวในระดับสูง และส่งผลให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่อง

ปรับสูงขึ นตาม และ 5) สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื อ อาจส่งผลต่อต้นทุนวัตถุดิบ และค่าขนส่งปรับสูงขึ น

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ 1) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าอาจช้ากว่าที่คาด 2) ความเสี่ยงจาก

ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มยืดเยื อ อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลก และการค้าระหว่างประเทศของไทย

3) อัตราดอกเบี ยนโยบายในหลายประเทศยังทรงตัวในระดับสูง และ 4) ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

อัตราการค้าของไทย ในเดือนมิถุนายน 2567 เท่ากับ 98.1 (เดือนพฤษภาคม 2567 เท่ากับ 98.3) ลดลงจาก

เดือนก่อนหน้า และยังคงต่ กว่า 100 เป็นเดือนที่ 30 ติดต่อกัน สะท้อนถึงไทยยังมีความเสียเปรียบทางโครงสร้างราคา

ระหว่างประเทศ เนื่องจากระดับราคาน เข้าสูงกว่าราคาส่งออก เป็นผลจากราคาน้าเข้าน มันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับ

ราคาน มัน (ซึ่งมีสัดส่วนน มันน้าเข้าสูงกว่าส่งออก) สูงขึ นในอัตราที่มากกว่าการสูงขึ นของราคาส่งออก ส้าหรับแนวโน้มอัตรา

การค้าเดือนกรกฎาคม 2567 คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ กว่า 100 ต่อเนื่อง ตามทิศทางราคาน มันน้าเข้าที่ยังอยู่ในระดับส

1. เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2567 (MoM) ลดลงร้อยละ 0.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

2. เทียบกับเดือนมิถุนายน 2566 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 1.8 โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้น

ร้อยละ 8.6 ได้แก่ น มันส้าเร็จรูป และน มันดิบ เนื่องจากความกังวลอุปทานตึงตัว จากแนวโน้ม

ที่ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของกลุ่มโอเปกพลัส อาจขยายระยะเวลาปรับลด

ก้าลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 6.5 ได้แก่ ยางพารา

เนื่องจากความต้องการจากต่างประเทศเพิ่มขึ น ตามการขยายตัวของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ข้าว เนื่องจาก

คู่ค้าส้าคัญของไทย อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อิรัก สหรัฐฯ และภูมิภาคแอฟริกา มีความต้องการ

น้าเข้าข้าวเพิ่มสูงขึ น เพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ตามความ

นิยมผลไม้เกรดพรีเมียม โดยเฉพาะทุเรียน ผลิตภัณฑ์มันส้าปะหลัง อุปทานตึงตัว เนื่องจากเป็นช่วง

ปลายฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันส้าปะหลังออกสู่ตลาดน้อย และกุ้ง ตามความต้องการที่เพิ่มขึ น โดยเฉพาะ

ในตลาดสหรัฐฯ หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 1.6 ได้แก่ น ตาลทราย เนื่องจาก

อุปทานตึงตัว จากการที่ผลผลิตของอินเดียซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน ตาลรายใหญ่เผชิญกับปริมาณฝน

ต้ากว่าค่าเฉลี่ยและโรคเหี่ยวเน่าแดงในต้นอ้อย อาหารสัตว์เลี ยง โดยเฉพาะอาหารสุนัขและแมว

ตามความต้องการที่เพิ่มขึ นในตลาดญี่ปุ่นซึ่งเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องการเลี ยงสัตว์เพื่อเป็นเพื่อน

คลายเหงา ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ตามความต้องการน้าเข้าผลไม้เพิ่มขึ น โดยเฉพาะผลไม้ที่ปลูกไม่ได้

ในจีน และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตามกระแสการใส่ใจสุขภาพที่เพิ่มมากขึ นในสหรัฐฯ

โดยชาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะกินอาหารทะเลมากขึ น และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.0

ได้แก่ รถยนต์ ตามยอดขายรถบรรทุกขนาดเล็กที่เพิ่มขึ นในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกส้าคัญ

ของไทย ทองค้า เนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โดยเฉพาะสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์-

เลบานอน ได้กระตุ้นให้ธนาคารกลางทั่วโลก เพิ่มปริมาณส้ารองทองค้า เม็ดพลาสติก ตามความต้องการ

ของคู่ค้าที่เพิ่มขึ น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อาทิ เวียดนาม และอินโดนีเซีย และเครื่องจักรกล

และส่วนประกอบ ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การพิมพ์ 3 มิติ

เทรนด์ Big Data และ Io

ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าเกษตรกรรม

สูงขึ้นร้อยละ 7.0 ได้แก่ ข้าว เนื่องจากอุปทานข้าวโลกตึงตัว จากการที่ผู้ส่งออกข้าวหลัก

อย่างอินเดีย ยังคงมาตรการจ้ากัดการส่งออกข้าวขาวบางชนิด ยางพารา จากความต้องการใช้

ที่เพิ่มขึ นอย่างต่อเนื่องจากต่างประเทศ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ผลไม้สดแช่เย็น

แช่แข็งและแห้ง ตามความนิยมผลไม้สดจากไทย และผลิตภัณฑ์มันส้าปะหลัง ตามผลผลิต

ที่ลดลงจากภาวะเอลนีโญ หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 2.0 ได้แก่ น มัน

ส้าเร็จรูป และน มันดิบ เนื่องจากการคาดการณ์ว่าอุปทานน มันในตลาดโลกจะได้รับ

ผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่าง

อิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้น

ร้อยละ 1.8 ได้แก่ น ตาลทราย จากการที่องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO)

ปรับเพิ่มประมาณการขาดดุลน ตาลทั่วโลกในปี 2566/2567 อาหารทะเลกระป๋องและ

แปรรูป ตามความต้องการอาหารฮาลาลที่เพิ่มขึ น ประกอบกับความเสี่ยงด้านปัญหา

ภูมิรัฐศาสตร์ท้าให้มีการสต็อกสินค้าเพิ่มขึ น และอาหารสัตว์เลี ยง โดยเฉพาะอาหารสุนัขและ

แมว ตามกระแสการนิยมเลี ยงสัตว์เลี ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization)

และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 0.8 ได้แก่ รถยนต์ ตามยอดขายรถยนต์

ขนาดเล็กที่เพิ่มขึ นในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกส้าคัญของไทย ทองค้า ตามการอ่อนค่า

ของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลด

อัตราดอกเบี ย และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ตามสภาพ

อากาศที่ร้อน ซึ่งกระตุ้นความต้องการใช้พลังงานของครัวเรือน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย

ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 1.7 โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าเกษตรกรรม

สูงขึ้นร้อยละ 6.5 ได้แก่ ข้าว เนื่องจากฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศผู้น้าเข้าข้าวรายใหญ่ของโลก

มีความต้องการน้าเข้าข้าวเพิ่มขึ น เนื่องจากปริมาณผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ในประเทศ ยางพารา ตามความต้องการใช้ยางพาราจากผู้ประกอบการโรงงานแปรรูป

ยางพาราในมาเลเซียที่เพิ่มขึ น และผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ตามความนิยมบริโภค

ผลไม้ไทยของผู้บริโภคจีน โดยทุเรียนสุกจากไทยได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากหน่วยงานจีน

และภาคเอกชนท้องถิ่น หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 6.4 ได้แก่ น มันส้าเร็จรูป

และน มันดิบ เนื่องจากความต้องการใช้น มันปรับเพิ่มขึ นจากเทศกาลท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน

โดยเฉพาะในประเทศแถบตะวันตก และในเขตซีกโลกเหนือ ประกอบกับคาดการณ์

ปริมาณน มันดิบคงคลังส้ารองของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน มันรายใหญ่ของโลก

จะปรับตัวลดลง ขณะที่ความต้องการใช้น มันเชื อเพลิงในสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูง

หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 1.4 ได้แก่ น ตาลทราย ตามความต้องการ

ที่เพิ่มขึ น จากการที่ประเทศผู้น้าเข้ารายใหญ่ซื อน ตาลเพื่อสต็อกเพิ่มขึ น จากราคาน ตาล

ตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงในช่วงหลายเดือนก่อนหน้า ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ตามความ

ต้องการที่เพิ่มขึ นของคู่ค้า และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตามความนิยมบริโภค

ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ส้าคัญของไทย เนื่องจากมีราคาถูกและหาซื อได้ง่าย และ

หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 0.9 ได้แก่ ทองค้า ตามความต้องการถือครอง

สินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่ตลาดไม่มีเสถียรภาพ และท่ามกลางความต้องการโลหะมีค่าที่สูง

รถยนต์ ตามยอดขายยานยนต์ที่เพิ่มขึ นในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกส้าคัญของไทย

เครื่องใช้ไฟฟ้า ตามความต้องการที่เพิ่มขึ นจากระบบใช้งานที่หลากหลาย อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า

อัจฉริยะ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) Bluetooth และ Internet of Things (IoT) เครื่องปรับอากาศ

ความต้องการเพิ่มขึ น เนื่องจากคลื่นความร้อนในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดส่งออกเครื่องปรับอากาศ

ที่ส้าคัญของไทย และสิ่งทอ ตามการขยายตัวของร้านขายเครื่องแต่งกายเฉพาะด้าน รวมถึง

ร้านค้าออนไลน์

5. ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) สูงขึ้นร้อยละ 0.5 โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้น

ร้อยละ 3.1 ได้แก่ น มันส้าเร็จรูป และน มันดิบ เนื่องจากความต้องการใช้น มันในภาคบริการที่ดีขึ น

ในจีนและยุโรป ประกอบกับความต้องการใช้น มันทั่วโลกยังคงสูงกว่าปริมาณการผลิต หมวดสินค้า

เกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 0.6 ได้แก่ ข้าว เนื่องจากค่าเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่า เป็นปัจจัยสนับสนุน

ให้ไทยสามารถส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ น ประกอบกับอุปทานข้าวไทยตึงตัว เนื่องจากไม่ใช่ช่วงฤดูกาลเก็บ

เกี่ยวข้าวนาปี และปริมาณผลผลิตข้าวนาปรังออกสู่ตลาดลดลง ท้าให้สต็อกข้าวในประเทศปรับตัวลดลง

ยางพารา อุปทานตึงตัวจากปริมาณน ยางพาราที่ปรับลดลงจากภาวะเอลนีโญ และผลไม้สดแช่เย็น

แช่แข็งและแห้ง อุปทานตึงตัวจากการที่ผลผลิตทุเรียนของไทย ทั งจากภาคตะวันออก และภาคใต้

จะลดลงหนักสุดในรอบ 15 ปี เนื่องจากภัยแล้ง ฝนน้อย และฝนทิ งช่วง หมวดสินค้าอุตสาหกรรม

สูงขึ้นร้อยละ 0.4 ได้แก่ ทองค้า ตามความต้องการเพิ่มขึ นเนื่องจากคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตรา

ดอกเบี ยลงในการประชุมเดือนกันยายน 2567 เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ

ความต้องการเพิ่มขึ นตามอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกที่สูงขึ นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยเฉพาะในทวีปยุโรป ประกอบกับจ้านวนครัวเรือนที่ติดตั งเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ นอย่างรวดเร็ว

เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) และปัญญาประดิษฐ์ (AI)

รถยนต์ ตามยอดขายรถยนต์ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และรถยนต์ไฮบริด ที่เพิ่มขึ นในตลาดออสเตรเลีย

ซึ่งเป็นตลาดส่งออกส้าคัญของไทย และสิ่งทอ ตามความต้องการใช้เครื่องแต่งกายมือสองที่เพิ่มขึ น

หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 0.1 ได้แก่ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ตามความ

ต้องการที่เพิ่มขึ นจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เนื่องจากอุปทาน

ตึงตัวจากอุณหภูมิในมหาสมุทรที่เพิ่มสูงขึ นทั่วโลก อีกทั งต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ

แนวโน้มดัชนีราคาส่งออก ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ตามทิศทางราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับสูง

จากผลกระทบปัญหาภัยแล้ง และการไม่มีสัญญาณชัดเจนในการฟื้นข้อตกลงกรณีรัสเซียให้ยูเครนขนส่งธัญพืชผ่านทะเลด้า ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร

ของโลก ประกอบกับความกังวลด้านต้นทุนพลังงานจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลปาเลสไตน์-เลบานอน รวมถึงความขัดแย้งในทะเลแดง ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขนส่งทางเรือของโลก โดยอาจท้าให้ค่าระวางเรือและต้นทุนสินค้า

อุปโภคบริโภคปรับสูงขึ น นอกจากนี การส่งออกยังได้รับอานิสงส์จากวิกฤตขาดแคลนน ในอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวและน ตาลล้าดับต้น ๆ ของโลก อาจท้า

ให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง น้าไปสู่ภาวะอุปทานตึงตัว ซึ่งจะท้าให้ราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกปรับสูงขึ น ประกอบกับการที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออก

เครื่องปรับอากาศอันดับ 1 ของไทย อาจเผชิญคลื่นความร้อนหลายพื นที่ในเดือนกรกฎาคม 2567 โดยส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 110 ล้านคน ใน 21 รัฐ

ซึ่งจะท้าให้ความต้องการสินค้าเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ น อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจาก (1) การฟื้นตัวที่ช้าของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้า (2) สถานการณ์

ความไม่สงบระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่อาจลุกลามไปสู่ความขัดแย้งระดับภูมิภาค (3) ผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ท้าให้หลายประเทศ

มีการด้าเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ส่งผลให้ความต้องการสินค้าปรับตัวลดลง (4) ความผันผวนของค่าเงินบาท และ (5) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

ระลอกใหม่ โดยการขึ นภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีนที่จะเริ่มมีผลตั งแต่ 1 สิงหาคม 2567 จะน้าไปสู่การเร่งส่งออกสินค้าจีนไปยังสหรัฐฯ มากขึ น ซึ่งจะท้าให้เกิด

ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลกระทบต่อเส้นทางส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย อีกทั งสินค้าไทยที่เป็นห่วงโซ่อุปทาน

ของสินค้าจีนอาจได้รับผลกระทบ โดยจะส่งออกไปจีนได้น้อยลง ปัจจัยดังกล่าวอาจท้าให้ดัชนีราคาส่งออกขยายตัวต้ากว่าที่คาดการณ์

มวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 0.9 ได้แก่

ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม โดยเฉพาะยารักษาโรค เนื่องจากความต้องการรักษาพยาบาล และการดูแลสุขภาพ

ที่เพิ่มขึ นต่อเนื่องจากการที่ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุ ประกอบกับโรคไม่ติดต่อเรื อรังมีแนวโน้มเพิ่มขึ น ส่งผลให้

ความต้องการยาส้าหรับการรักษาเพิ่มขึ น ส้าหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เสื อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ เครื่องใช้

เบ็ดเตล็ด และเครื่องประดับอัญมณี ตามความต้องการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ น หมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 0.5

โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม เนื่องจากโครงการ Wheatstone ของประเทศออสเตรเลียหยุดการผลิต ท้าให้

ปริมาณก๊าซปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคาก๊าซปรับตัวเพิ่มขึ น ขณะที่น มันดิบ และน มันส้าเร็จรูป ปรับตัวลดลง

เป็นผลจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) กลับมาเพิ่มก้าลังการผลิต หลังจากข้อตกลงลดก้าลังการผลิตจะยุติลงในช่วงเดือน

ตุลาคม 2567 ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ น รวมถึงอัตราดอกเบี ยและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง

ส่งผลให้ราคาน มันปรับตัวลดลง และถ่านหิน เนื่องจากมีการผลิตในปริมาณมาก ประกอบกับสภาพอากาศที่อบอุ่น

ท้าให้ความต้องการถ่านหินส้าหรับให้ความร้อนปรับตัวลดลง และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้นร้อยละ

0.3 ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์ และรถจักรยาน เนื่องจาก

ต้นทุนที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม และภาคการผลิต รวมถึงค่าแรงที่ยังมีทิศทางสูงขึ น ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ น

ขณะที่รถยนต์นั่ง ราคาปรับตัวลดลง เนื่องจากหนี ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับความเข้มงวดในการอนุมัติ

สินเชื่อของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ก้าลังซื อชะลอตัว ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวลดลง คือ

หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งส เร็จรูป ลดลงร้อยละ 0.1 ได้แก่ ทองค้า หดตัวเล็กน้อยเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงิน

ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง เคมีภัณฑ์ เนื่องจากเป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับ

ราคาน มันที่ปรับตัวลดลง และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว จากภาคการผลิต

ภาคอุตสาหกรรม และโครงการก่อสร้างภาครัฐ ประกอบกับการน้าเข้าเหล็กมีปริมาณเพิ่มขึ น ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลง

ขณะที่ปุ๋ย ราคาสูงขึ นตามทิศทางราคาตลาดโลก ประกอบกับความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ นทั่วโลก เกษตรกรมีแนวโน้ม

ขยายพื นที่เพาะปลูก ส่งผลให้ความต้องการใช้ปุ๋ยเพิ่มขึ น ส หรับหมวดสินค้าทุน ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง แต่มี

การเปลี่ยนแปลงในบางกลุ่มสินค้าส้าคัญ โดยกลุ่มสินค้าส้าคัญที่ราคาสูงขึ น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และ

ส่วนประกอบ เนื่องจากความต้องการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AIและการประมวลผล

ประสิทธิภาพสูง (HPC) เพิ่มขึ น รวมถึงความต้องการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ส่งผลให้ความต้องการใช้เพิ่มขึ น เครื่องมือ

เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบ เนื่องจากการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน รวมถึงอัตราการเจ็บป่วย

ที่มีแนวโน้มสูงขึ น ส่งผลให้ความต้องการใช้เพิ่มขึ น ขณะที่กลุ่มสินค้าส้าคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้า

และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ ตามความต้องการใช้ในภาคการผลิตอุตสาหกรรม และภาคบริการที่ลดลงจาก

เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 8.0ได้แก่ น มันดิบ และ

น มันส้าเร็จรูป เป็นผลจากฐานปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับต้า ประกอบกับ ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานตึงตัว จากการ

ปรับลดก้าลังการผลิตของผู้ผลิตน มัน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและตะวันออกกลางที่ยังไม่คลี่คลาย

ส่งผลให้ราคาน มันปรับตัวสูงขึ น หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 3.7 ได้แก่ เครื่องประดับอัญมณี ผัก ผลไม้ และ

ของปรุงแต่งที่ท้าจากผัก ผลไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือน และเสื อผ้า รองเท้า

และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ ตามความต้องการอุปโภคบริโภคที่มีอย่างต่อเนื่อง หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งส เร็จรูป

สูงขึ้นร้อยละ 3.5 โดยเฉพาะทองค้า ราคายังทรงตัวสูงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

ประกอบกับการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ น อุปกรณ์

ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแผงวงจรไฟฟ้า จากความต้องการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก

ในพัฒนาโครงสร้างพื นฐาน เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคInternet of Thing (IOT)ซึ่งเป็นกระแสการพัฒนาโลก

ในปัจจุบัน ส่งผลให้ความต้องการใช้ในภาคการผลิต และภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลจากการย้ายฐาน

การผลิตของผู้ประกอบการในจีนมายังกลุ่มอาเซียนจากปัญหาสงครามการค้า และหมวดสินค้าทุน สูงขึ้นร้อยละ 1.2

ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ตามความต้องการใช้ของผู้บริโภค

และภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนภาคการผลิตเพิ่มขึ น ส้าหรับเครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์การทดสอบ

ตามความต้องการที่เพิ่มขึ นของจ้านวนผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และการขยายตัวของธุรกิจบริการสุขภาพของไทย ขณะที่หมวดสินค้า

ที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวลดลง คือ หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ลดลงร้อยละ 0.9 ได้แก่ ส่วนประกอบและ

อุปกรณ์ยานยนต์ รถยนต์นั่ง และรถจักรยานยนต์ เนื่องจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ หนี ครัวเรือน

ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ก้าลังซื อชะลอตัว

1. เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2567 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 0.2 โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

2. เทียบกับเดือนมิถุนายน 2566 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 3.6 โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

ดัชนีราคาน เข้าของประเทศ

เดือนมิถุนายน 2567 และไตรมาสที่ 2 ปี 2567

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ

3.4 ได้แก่ น มันดิบ และน มันส้าเร็จรูป เป็นผลจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคง

ยืดเยื อ ประกอบกับความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการที่เพิ่มขึ น ส้าหรับ

ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม ราคาลดลง เนื่องจากปริมาณการส้ารองก๊าซในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง

หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 3.1 ได้แก่ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ท้าจากผัก ผลไม้

เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ตามความต้องการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ น และ

ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ตามความต้องการนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ น

อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการใช้เพื่อรองรับกับโรคระบาดในช่วงฤดูฝน หมวดสินค้าวัตถุดิบ

และกึ่งส เร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 2.9ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณีเงินแท่งและทองค้า โดยเฉพาะ

ทองค้า ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ น อุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า

และอิเล็กทรอนิกส์ และเคมีภัณฑ์ ตามความต้องการใช้ในภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรม และ

ภาคบริการที่เพิ่มขึ น และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ตามความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ น และ

หมวดสินค้าทุน สูงขึ้นร้อยละ 0.8 ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความ

ต้องการอุปกรณ์แบบพกพาและคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการ

ของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ น ส้าหรับเครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบ ผลิตภัณฑ์

โลหะ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ตามความต้องการลงทุนภาคการผลิต ภาคการก่อสร้าง

และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ น ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวลดลง คือ

หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ลดลงร้อยละ 1.4 โดยเฉพาะ ส่วนประกอบและอุปกรณ์

ยานยนต์ และรถยนต์นั่ง เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ประกอบกับสถาบัน

การเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงหนี ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ก้าลังซื อ

ชะลอตัว

-1.4

3.1

2.9

0.8

3.4

2.4

หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง

หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค

หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งส เร็จรูป

หมวดสินค้าทุน

หมวดสินค้าเชื้อเพลิง

รวมทุกรายการ

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองดัชนีเศรษฐกิจการค้า ส นักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์โทร 0 2507 5821

ส นักงำนนโยบำยและยุทธศำสตร์กำรค้ำ (สนค.)

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ

2.5ได้แก่ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ท้าจากผัก ผลไม้ กาแฟ ชา เครื่องเทศ เครื่องประดับอัญมณี

เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือน เสื อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ ตามความ

ต้องการของผู้บริโภคที่มีอย่างต่อเนื่องและหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งส เร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 2.2

ได้แก่ ทองค้า ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ น อุปกรณ์ ส่วนประกอบ

เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแผงวงจรไฟฟ้า ตามความต้องการการลงทุน

ในอุตสาหกรรมใหม่ หรือเทคโนโลยีใหม่ ตามเทรนด์โลก เช่น กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและชิ นส่วน

กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ความต้องการใช้มีแนวโน้มเพิ่มขึ น

ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง

ลดลงร้อยละ 2.8 ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม และถ่านหิน ราคาลดลงเนื่องจากปริมาณ

การส้ารองก๊าซและถ่านหินในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับความต้องการใช้ลดลง

ตามภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ลดลงร้อยละ 1.4

โดยเฉพาะส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ รถยนต์นั่ง และรถจักรยานยนต์ เป็นผลจาก

การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบัน

การเงิน เนื่องจากหนี ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื อ ส หรับ

หมวดสินค้าทุน ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการเปลี่ยนแปลงในบางกลุ่มสินค้าส้าคัญ

โดยกลุ่มสินค้าส้าคัญที่ราคาสูงขึ น ได้แก่ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบ เนื่องจาก

การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน รวมถึงอัตราการเจ็บป่วยที่มีแนวโน้มสูงขึ น ส่งผลให้ความต้องการใช้

เพิ่มขึ น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เนื่องจากความต้องการใช้งานอุปกรณ์

อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ น ขณะที่กลุ่มสินค้าส้าคัญที่ราคาลดลง

ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์โลหะ ตามความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรม

5. ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) สูงขึ้นร้อยละ 2.0โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

-0.5

1.6

1.6

1.2

4.8

2.0

หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง

หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค

หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งส เร็จรูป

หมวดสินค้าทุน

หมวดสินค้าเชื้อเพลิง

รวมทุกรายการ

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ

4.8 ได้แก่ น มันดิบ น มันส้าเร็จรูป และก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม ตามความต้องการใช้

ในภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการที่เพิ่มขึ น หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งส เร็จรูป

สูงขึ้นร้อยละ 1.6 ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองค้า โดยเฉพาะทองค้า

ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ น อุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า

และอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับปัจจัยหนุนจากปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่คลี่คลายลง

ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับความต้องการใช้

ในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ น ส้าหรับสินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และ

เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ตามความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรม และภาคอสังหาริมทรัพย์

เพิ่มขึ น หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 1.6ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และผัก ผลไม้

และของปรุงแต่งที่ท้าจากผัก ผลไม้ ตามความต้องการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ น ส้าหรับผลิตภัณฑ์

เวชกรรมและเภสัชกรรม ตามความต้องการนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ นอย่างต่อเนื่อง และ

หมวดสินค้าทุน สูงขึ้นร้อยละ 1.2 ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความ

ต้องการอุปกรณ์แบบพกพาและคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการ

ของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ น เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ตามความ

ต้องการลงทุนที่เพิ่มขึ นทั งในภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ส้าหรับเครื่องมือ เครื่องใช้

ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และการทดสอบ ตามความต้องการอุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

กับสุขอนามัยและการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ น ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาน เข้าปรับตัวลดลง

คือ หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ลดลงร้อยละ 0.5 ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์

ยานยนต์ รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก และรถยนต์นั่ง เป็นผลจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวด

ในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงหนี ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ก้าลังซื อชะลอตัว

ภาคการผลิต และภาคบริการ ที่ลดลงจากเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มท แนวโน้มดัชนีราคาน เข้า ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยฐานที่เริ่มลดลงในปีก่อนหน้า รวมถึงผลจากราคาวัตถุดิบน้าเข้า

จากต่างประเทศที่อาจปรับตัวสูงขึ น จากการที่รัสเซียยุติข้อตกลงส่งออกธัญพืชยูเครนผ่านทะเลด้า ภาวะเอลนีโญที่ท้าให้ผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดลดลง

แนวโน้มราคาพลังงานที่อาจกลับมาปรับตัวสูงขึ น ตามอุปสงค์การใช้พลังงานโลกที่เพิ่มขึ น นอกจากนี จีนซึ่งเป็นแหล่งน้าเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งส้าเร็จรูปอันดับ 1

ของไทย โดยเฉพาะกลุ่มปุ๋ยและยาก้าจัดศัตรูพืชและสัตว์ ได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกปุ๋ย อาจท้าให้อุปทานปุ๋ยตึงตัว และกดดันให้ราคาปุ๋ยทั่วโลก

ปรับสูงขึ น ประกอบกับจีนเสี่ยงเผชิญสภาพอากาศแปรปรวน จากคลื่นความร้อนและฝนตกหนัก ซึ่งอาจกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร ท้าให้ไทยต้อง น้าเข้า

สินค้ากลุ่มดังกล่าวในราคาแพงขึ น ตลอดจนความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่อาจลุกลามกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ และ

ส่งผลให้อิหร่านซึ่งสนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เข้าร่วมสงครามดังกล่าว และกระทบต่ออุปทานน มัน ท้าให้ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องปรับสูงขึ น อย่างไรก็ตาม

(1) ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน จากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า และสหรัฐฯ ที่ยังเผชิญอัตราดอกเบี ยนโยบายในระดับสูง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่

สูงกว่าเป้าหมาย (2) ความกังวลด้านข้อพิพาทระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งน้าเข้าสินค้าส้าคัญของไทย

อาจส่งผลกระทบต่อฐานการผลิตและห่วงโซ่อุปทานของสินค้าน้าเข้า (3) ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื อ สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างอิสราเอล

และปาเลสไตน์ ความขัดแย้งในทะเลแดง และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่อาจขยายวงกว้างเป็นสงคราม จนอาจน้าไปสู่ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ

และการค้าโลก และ (4) การด้าเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจัยเหล่านี อาจส่งผลให้ดัชนีราคาน้าเข้าขยายตัวต้ากว่าที่คาดการณ์

อัตราการค้าของไทยในเดือนมิถุนายน 2567เท่ากับ 98.1 (เดือนพฤษภาคม 2567 เท่ากับ 98.3)ลดลงจากเดือนก่อนหน้า และยังคงต่ กว่า 100
เป็นเดือนที่ 30 ติดต่อกัน สะท้อนถึง ไทยยังมีความเสียเปรียบทางโครงสร้างราคาระหว่างประเทศ เนื่องจากระดับราคาน เข้าสูงกว่าราคาส่งออก
อัตราการค้าของไทย เดือนมิถุนายน 2567 เท่ากับ 98.1
(เดือนพฤษภาคม 2567 เท่ากับ 98.3) ลดลงจากเดือนก่อนหน้า และยังคง
ต่ กว่า 100 เป็นเดือนที่ 30 ติดต่อกัน สะท้อนถึง ไทยยังมีความเสียเปรียบ
ทางโครงสร้างราคาระหว่างประเทศ เนื่องจากระดับราคาน้าเข้ายังสูงกว่า
ราคาส่งออก สาเหตุหลักเป็นผลจากราคาน้าเข้าน มันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง
กับราคาน มัน (ซึ่งมีสัดส่วนน มันน้าเข้าสูงกว่าส่งออก) สูงขึ นในอัตรา
ที่มากกว่าการสูงขึ นของราคาส่งออก
ส หรับกลุ่มสินค้าที่ราคาส่งออกยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าราคาน เข้า
(ได้เปรียบในอัตราการค้า) ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าที่ใช้วัตถุดิบ
ขั นกลางจากต่างประเทศในการผลิต เช่น เคมีภัณฑ์ เครื่องส้าอาง สบู่
และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก
เม็ดพลาสติก และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และ
กลุ่มสินค้าขั นกลางที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศในการผลิต เช่น ผลไม้ ผลไม้
กระป๋องและแปรรูป และของปรุงแต่งท้าจากผลไม้ ผัก ผักกระป๋องและ
แปรรูป และของปรุงแต่งท้าจากผัก เป็นต้น
ขณะที่กลุ่มสินค้าที่ราคาน เข้าสูงกว่าราคาส่งออก (เสียเปรียบ
ในอัตราการค้า) ได้แก่ น มันดิบ ทองค้า น มันส้าเร็จรูป ทองแดงและ
ผลิตภัณฑ์ นมและผลิตภัณฑ์นม และผลิตภัณฑ์ท้าจากข้าวและแป้ง
นอกจากนี ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่ราคาน้าเข้าสูงกว่าราคาส่งออก อาทิ อัญมณี
และเครื่องประดับ สิ่งทอและเสื อผ้า แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และ
กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เป็นต้น
ดัชนีราคาส่งออก-น เข้าของประเทศ
เดือนมิถุนายน 2567 และไตรมาสที่ 2 ปี 2567
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองดัชนีเศรษฐกิจการค้า ส นักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์โทร 0 2507 5821
ส นักงำนนโยบำยและยุทธศำสตร์กำรค้ำ (สนค.)
แนวโน้มอัตราการค้า เดือนกรกฎาคม 2567 คาดว่าจะอยู่ในระดับ
ต่ กว่า 100ตามทิศทางราคาน มันน้าเข้าที่อยู่ในระดับสูง
ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์

แท็ก ดัชนีราคา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ