ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือน สิงหาคม 2551
กระทรวงพาณิชย์ ขอรายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนสิงหาคม 2551 โดยสรุป จากการสำรวจราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 88 รายการ ครอบคลุมหมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกระเบื้อง วัสดุฉาบผิว สุขภัณฑ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปาและวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ เพื่อนำมาคำนวณดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ได้ผลดังนี้
1. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนสิงหาคม 2551
ในปี 2543 ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเท่ากับ 100 และเดือนสิงหาคม 2551 เท่ากับ 172.6สำหรับเดือนกรกฎาคม 2551 คือ 177.0
2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนสิงหาคม 2551 เมื่อเทียบกับ
2.1 เดือนกรกฎาคม 2551 ลดลงร้อยละ 2.5
2.2 เดือนสิงหาคม 2550 สูงขึ้นร้อยละ 28.9
2.3 เฉลี่ยเดือนมกราคม - สิงหาคม 2551 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 สูงขึ้น ร้อยละ 22.0
3. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนสิงหาคม 2551 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2551 ลดลงร้อยละ 2.5 (กรกฎาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 1.0) เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 12 เดือน สาเหตุสำคัญจากการลดลงของดัชนีหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก (เหล็กเส้น เหล็กตัวซี เหล็กฉาก ลวดเหล็ก ท่อเหล็ก เหล็กแผ่นเรียบดำและตะแกรงเหล็ก) ร้อยละ 5.7 เป็นผลจากต้นทุนการผลิต (ราคานำเข้าวัตถุดิบ) และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง ประกอบกับความต้องการใช้ภายในประเทศชะลอลงตามภาวะการก่อสร้าง
4. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนสิงหาคม 2551 เทียบกับเดือนสิงหาคม 2550 สูงขึ้นร้อยละ 28.9 (กรกฎาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 31.1) เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2549 โดยเพิ่มในอัตราที่ลดลง ที่สำคัญ คือ ดัชนีหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก (เหล็กเส้น เหล็กตัวซี เหล็กฉาก ลวดเหล็ก ท่อเหล็ก เหล็กแผ่นเรียบดำและตะแกรงเหล็ก) ร้อยละ 68.7 หมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ (ทราย หิน อิฐมอญ อิฐหนาและยางมะตอย) ร้อยละ 10.7 และหมวดซีเมนต์ (ปูนซีเมนต์) ร้อยละ 10.0 เป็นผลจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
5. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเฉลี่ยเดือนมกราคม - สิงหาคม 2551 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 สูงขึ้นร้อยละ 22.0 (มกราคม - กรกฎาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 21.0) สาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของดัชนีหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก (เหล็กเส้น เหล็กตัวซี เหล็กฉาก เหล็กแผ่นเรียบดำและตะแกรงเหล็ก) ร้อยละ 55.2 หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (แผ่นไม้อัด บานประตูและหน้าต่าง) ร้อยละ 7.4 และหมวดซีเมนต์ (ปูนซีเมนต์และปูนฉาบ) ร้อยละ 6.0 เป็นผลจากราคาวัตถุดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์