ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือน กันยายน 2551 และเฉลี่ยระยะ 9 เดือนของปี 2551
กระทรวงพาณิชย์ ขอรายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนกันยายน 2551 โดยสรุป จากการสำรวจราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 88 รายการ ครอบคลุมหมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกระเบื้อง วัสดุฉาบผิว สุขภัณฑ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปาและวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ เพื่อนำมาคำนวณดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ได้ผลดังนี้
1. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนกันยายน 2551
ในปี 2543 ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเท่ากับ 100 และเดือนกันยายน 2551 เท่ากับ 161.0สำหรับเดือนสิงหาคม 2551 คือ 172.6
2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนกันยายน 2551 เมื่อเทียบกับ
2.1 เดือนสิงหาคม 2551 ลดลงร้อยละ 6.7
2.2 เดือนกันยายน 2550 สูงขึ้นร้อยละ 19.8
2.3 เฉลี่ยเดือนมกราคม - กันยายน 2551 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 สูงขึ้น ร้อยละ 21.8
3. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนกันยายน 2551 เทียบกับเดือนสิงหาคม 2551 ลดลงร้อยละ 6.7 (สิงหาคม 2551 ลดลงร้อยละ 2.5) เป็นการลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน สาเหตุสำคัญจากการลดลงของดัชนีหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก (เหล็กเส้น เหล็กตัวซี เหล็กฉาก ท่อเหล็ก เหล็กแผ่นเรียบดำและตะแกรงเหล็ก) ร้อยละ 15.7 เป็นผลจากต้นทุนการผลิต (ราคานำเข้าวัตถุดิบ) ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง และมีปริมาณเหล็กในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้ภายในประเทศชะลอลงตามภาวะการก่อสร้าง
4. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนกันยายน 2551 เทียบกับเดือนกันยายน 2550 เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.8 (สิงหาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 28.9) เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2549 โดยเพิ่มในอัตราที่ลดลง ที่สำคัญ คือ ดัชนีหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก (เหล็กเส้น เหล็กตัวซี เหล็กฉาก ท่อเหล็ก เหล็กแผ่นเรียบดำและตะแกรงเหล็ก) ร้อยละ 40.6 หมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ (ทราย และยางมะตอย) ร้อยละ 11.0 และหมวดซีเมนต์ (ปูนซีเมนต์ และปูนฉาบ) ร้อยละ 10.6 เป็นผลจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
5. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเฉลี่ยเดือนมกราคม - กันยายน 2551 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 สูงขึ้นร้อยละ 21.8 (มกราคม - สิงหาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 22.0) สาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของดัชนีหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก (เหล็กเส้น เหล็กตัวซี เหล็กฉาก เหล็กแผ่นเรียบดำและตะแกรงเหล็ก) ร้อยละ 53.6 หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (แผ่นไม้อัด บานประตูและหน้าต่าง) ร้อยละ 7.7 และหมวดซีเมนต์ (ปูนซีเมนต์และปูนฉาบ) ร้อยละ 6.4 เป็นผลจากราคาวัตถุดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์