ดัชนีภาวะธุรกิจส่งออก ( Export Business Index ) พฤศจิกายน 2552

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 4, 2010 17:01 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

จากผลการตอบแบบสอบถามภาวะธุรกิจส่งออก จากผู้ประกอบการ จำนวน 217 ราย ได้ผลดังนี้

ดัชนีมูลค่าส่งออก

ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนพฤศจิกายน 2552 มีค่าเท่ากับ 52.8 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/ แช่แข็ง/ กระป๋องและแปรรูป ข้าว ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป และอาหารสำเร็จรูป สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2552 มีค่า 54.0สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ข้าว ยางพารา ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป และอาหารสำเร็จรูป ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน

ดัชนีการจ้างงาน
          เดือน           %ดีขึ้น      %เท่าเดิม       %ลดลง     ผลต่าง      ดัชนี
        พฤศจิกายน 52      20.3        62.3        17.4       2.9      51.4
        ตุลาคม 52         20.3        66.0        13.7       6.6      53.3
        กันยายน 52        20.8        61.3        17.9       2.9      51.4

ดัชนีการจ้างงานในเดือนพฤศจิกายน 2552มีค่าเท่ากับ 51.4 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ดัชนีสินค้าคงคลัง

ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนพฤศจิกายน 2552 มีค่า 45.5 มูลค่า สินค้าคงคลังที่ลดลง ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน และอาหารสำเร็จรูป ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลัง เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอ ข้าว และอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง

ปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ

ปัญหา

  • ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป
  • รัฐบาลมีนโยบายการค้าเสรีเร็วเกินไป ทั้งที่ไม่มีนโยบายการตั้งรับ และให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ ซึ่งตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2553 เริ่มเปิดการค้าเสรี อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
  • ขาดแคลนแรงงานในการผลิต และเรือในการขนส่งทางทะเล
  • ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น เช่น ทองแดง ขณะที่ไม้ยางราคาสูงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตไม้แปรรูปส่งออกไปขายยังประเทศจีน

ข้อเสนอแนะ

ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้

  • ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ที่ 33-38 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
  • สนับสนุนผู้ส่งออกให้มากขึ้น ทั้งในด้านเงินทุน เทคโนโลยีใหม่ ๆ และระบบการขนส่งที่ประหยัดค่าใช้จ่าย
  • BOIควรจะศึกษาแนวทาง เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นทางเลือกที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
  • ควรสร้างความสมดุลของอุตสาหกรรม ระหว่างการส่งออก และการบริโภคในประเทศ เพื่อกระตุ้นการลงทุน

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน

ภาคผนวก

1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า

2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0

3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออกใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง

ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ