ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 211 ราย คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 1/2553 (มกราคม - มีนาคม 2553) ภาวะการส่งออกและความสามารถในการแข่งขันมีแนวโน้มที่ดี โดย ดัชนีมีค่า 68.4 และ 62.7 ตามลำดับ
ผู้ประกอบการส่งออก คาดว่าภาวะการส่งออกในไตรมาสที่ 1/2553 (มกราคม - มีนาคม) จะดีขึ้นร้อยละ 49.2 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 38.5 และไม่ดี ร้อยละ 12.3 ทำให้ดัชนีคาดการณ์ภาวะการส่งออก มีค่าเท่ากับ 68.4 แสดงว่า การส่งออกมีทิศทางที่ดี
สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกลดลง ได้แก่ ข้าว ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป และอาหารสำเร็จรูปเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
ในไตรมาสที่ 1/2553 นักธุรกิจคาดการณ์ว่าความสามารถในการแข่งขันจะดีขึ้น ร้อยละ 33.3 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 58.7 และลดลง ร้อยละ 8.0 เป็นผลให้ดัชนีคาดการณ์ความสามารถในการแข่งขันมีค่า 62.7 แสดงว่าผู้ส่งออกเห็นว่าความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
สินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขันจะเพิ่มขึ้นได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับรองเท้าและชิ้นส่วนสิ่งทออาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางน้ำตาลทราย เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ข้าว ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน
ดัชนีมูลค่าส่งออกเดือนธันวาคม 2552 มีค่า 56.1 สินค้าที่มีมูลค่า ส่งออกเพิ่มขึ้นได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำประหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูปข้าวยางพาราอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงานและ อาหารสำเร็จรูป ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออก ลดลงได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกอัญมณีและเครื่องประดับรองเท้าและชิ้นส่วนอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่มีค่า59.9 สินค้าที่มีมูลค่าคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบเม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกเสื้อผ้าสำเร็จรูปสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูปข้าว ยางพาราอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและอาหารสำเร็จรูปส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลงได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับรองเท้าและชิ้นส่วนอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป
ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนธันวาคม 2552 มีค่า47.4 มูลค่าสินค้าคงคลังที่ลดลงได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์เสื้อผ้าสำเร็จรูปอัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน มูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้นได้แก่เครื่องอิเล็กทรอนิกส์เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ยางพารา ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี ธันวาคม 52 16.6 67.3 16.1 0.5 50.3 พฤศจิกายน 52 19.8 63.0 17.2 2.6 51.3 ตุลาคม 52 20.3 66.0 13.7 6.6 53.3
ดัชนีการจ้างงานในเดือนธันวาคม 2552 มีค่าเท่ากับ 50.3 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ปัญหา
- ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป
- ต้นทุนในการผลิตสูง ทั้ง ค่าจ้างแรงงาน ค่าดำเนินการส่งออก ค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า
- ขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้แรงงานมาก เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป
นอกจากนี้ ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ ขาดแคลนวัตถุดิบไม้ยางพารา
- สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลกระทบต่อยอดสั่งซื้อสินค้า
- การระงับโครงการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
- ศักยภาพการผลิตของ Supplier ในไทยยังไม่สามารถประกอบหรือผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้ดีพอ
ข้อเสนอแนะ
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
- ควรส่งเสริมอุตสาหกรรมต้นน้ำภายในประเทศ เพื่อเป็นฐานด้านต้นทุนในการผลิตสินค้าส่งออก
- รักษาเสถียรภาพทางการเมือง ลดอำนาจต่อรองของสหภาพแรงงาน
- ลดขั้นตอนในการดำเนินการออกใบอนุญาตส่งออกแร่
- ควรจัดตั้งสถานีขนถ่ายสินค้าหรือคลังสินค้าในจังหวัดชายแดน
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจจากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออกใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th