ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจไตรมาสที่ 1/2553 ( มกราคม - มีนาคม 2553 ) จากการสอบถามนักธุรกิจใน 76 จังหวัด จำนวน 1,858 ราย คาดว่าดีขึ้นร้อยละ 46.8 ไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 39.1 และไม่ดีร้อยละ 14.1 คิดเป็นค่าดัชนีเท่ากับ 66.4 ซึ่งมีค่าสูงกว่าเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจของไทยจะมีทิศทางที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ
1. ภาวะธุรกิจทั่วไป เศรษฐกิจในภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้น การส่งออกปรับตัวสูงขึ้น การจ้างงานเพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงขึ้น
2. ภาวะธุรกิจรายสาขา
- เกษตรกรรม สินค้าเกษตรราคาค่อนข้างดี ได้แก่ ข้าว อ้อย ปาล์ม มันสำปะหลัง และยางพารา ทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น
- อุตสาหกรรม ทิศทางการส่งออกกระเตื้องขึ้น
- พาณิชยกรรม การแข่งขันสูง ผู้ค้ารายย่อยในท้องถิ่นประสบปัญหาการค้าซบเซา
- ก่อสร้าง การก่อสร้างโครงการใหญ่ ๆ มีน้อย งบประมาณไม่กระจายสู่ท้องถิ่น
- การเงิน กระแสเงินของประเทศแข็งแกร่ง ทำให้มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ
- บริการ การท่องเที่ยวจะดีขึ้นหากการเมืองนิ่ง
3. ผลประกอบการ กำไรจากการประกอบการน้อยเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ลงทุนไป เนื่องจากการแข่งขันสูง
4. ต้นทุนต่อหน่วย ผู้ประกอบการประสบปัญหาต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้น อีกทั้งราคาน้ำมันและค่าแรงที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
5. การจ้างงาน โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งขาดแคลนแรงงานมาก
6. การขยายกิจการ การลงทุนยังไม่เพิ่มมากนัก มีการเพิ่มกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก
1. ควรเร่งดำเนินโครงการลงทุนด้านการก่อสร้างให้มีความเป็นรูปธรรม
2. ควรรักษาค่าเงินบาทไม่ให้แข็งกว่าปัจจุบัน ถ้าเป็นไปได้ควรให้อ่อนลงเล็กน้อยและให้มีเสถียรภาพ
3. ดูแลความสงบเรียบร้อย ลดความขัดแย้งในสังคม และสร้างความสามัคคีในชาติ
4. ขอให้มีการรณรงค์การท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ควรส่งเสริมให้มีกิจกรรมเกี่ยวกับการดึงดูดให้มีจุดเด่น ๆ ในแต่ละจังหวัด
5. จากการลดภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และประเทศในภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้สินค้าของไทย เกิดการเสียเปรียบในต้นทุนการผลิตและราคาขายสินค้า ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศที่ส่งเข้ามาขายในประเทศ รัฐบาลจะต้องหามาตรการช่วยเหลือและป้องกัน
6. ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำค่อนข้างยาก การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อตามนโยบายรัฐยังยึดติดกับหลักประกันโดยไม่คำนึงถึงความสามารถในการประกอบการ
7. ให้ความรู้ด้านข้อมูลข่าวสารในด้านการค้าการลงทุน ตลอดทั้งส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการในการเพิ่มผลิตผลลดต้นทุนต่อหน่วย
8. รัฐควรเร่งแก้ปัญหามาบตาพุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน
9. ควรส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มประกอบธุรกิจในรูปสหกรณ์ควบคู่ไปกับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กว้างขวาง 10. ขอให้รัฐบาลเร่งออกกฎหมายค้าปลีก — ค้าส่ง เพื่อคุ้มครองธุรกิจของคนไทย 11. ตรึงราคาพลังงานทั้งน้ำมันและแก๊ส เพราะกระทบต้นทุนและค่าขนส่ง 12. ลดภาษีเงินได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-5811-3 โทรสาร.0-2507-5806 www.price.moc.go.th