ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออก ( Export Business Expectation Index ) ประจำเดือนเมษายน 2553 (April 2010)

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 3, 2010 12:26 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากวันหยุดช่วงสงกรานต์ และความไม่สงบทางการเมือง

ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 202 ราย ได้ผลดังนี้

ดัชนีมูลค่าส่งออก

ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนเมษายน 2553มีค่าเท่ากับ 42.0สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยางเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ข้าว ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/ กระป๋องและแปรรูป ยางพารา และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนเมษายน 2553 มีค่า 50.3สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ข้าว ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน

ดัชนีการจ้างงาน
            เดือน           %ดีขึ้น      %เท่าเดิม       %ลดลง     ผลต่าง       ดัชนี
          เมษายน 53        23.6        63.6         12.8     10.8       55.4
          มีนาคม 53         28.1        57.8         14.1     14.0       57.0
          กุมภาพันธ์ 53       25.0        59.2         15.8      9.2       54.6

ดัชนีการจ้างงานในเดือนเมษายน 2553มีค่าเท่ากับ 55.4 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ดัชนีสินค้าคงคลัง

ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนเมษายน 2553 มีค่า 41.7 มูลค่า สินค้าคงคลังที่ลดลง ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ข้าว ยางพารา ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป และ อาหารสำเร็จรูป ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ สิ่งทอ และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง

ปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ

ปัญหา

  • ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป
  • ปัญหาภัยธรรมชาติ กรณีภูเขาไฟระเบิดในประเทศไอซ์แลนด์ มีการปิดน่านฟ้ายุโรปหลายวันติดต่อกัน เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกอย่างมาก
  • แรงงานและวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นมาก
  • รัฐบาลไม่มีเวลาบริหารประเทศ แต่ใช้เวลากับการแก้ไขปัญหาการเมือง โดยไม่ได้แก้ไขปัญหาของผู้ส่งออก
  • ต้นทุนสูงเนื่องจากวัตถุดิบราคาสูงขึ้น
ข้อเสนอแนะ

ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้

  • รัฐบาลควรมีมาตรการรองรับ กรณีท่าเรือ หรือสนามบินไม่สามารถเปิดให้บริการได้
  • ควรมีนโยบายสนับสนุนการส่งออกเครื่องประดับอัญมณีที่เป็นรูปธรรม
  • ควรแก้ปัญหาต้นทุนด้านเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในการผลิตและการขนส่งโดยการลดภาษีสรรพสามิต
  • ควรปรับอัตราชดเชยภาษีส่งออกให้สูงขึ้น เพราะประเทศจีนปรับขึ้นมานานแล้ว

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน

ภาคผนวก

1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า

2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0

3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง

ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825

www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ