ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออก ( Export Business Index ) ประจำเดือนพฤษภาคม 2553( May 2010 )

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 2, 2010 15:41 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

การส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองยุติลง

ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 232 ราย ได้ผลดังนี้

ดัชนีมูลค่าส่งออก

ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนพฤษภาคม 2553มีค่าเท่ากับ 56.4สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ข้าว ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรูป

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนพฤษภาคม 2553 มีค่า 55.4สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ข้าว ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรู

ดัชนีการจ้างงาน
            เดือน           %ดีขึ้น      %เท่าเดิม       %ลดลง     ผลต่าง       ดัชนี
          พฤษภาคม 53       29.0       60.6         10.4      18.6       59.3
          เมษายน 53        22.5       62.9         14.6       7.9       54.0
          มีนาคม 53         28.1       57.8         14.1      14.0       57.0

ดัชนีการจ้างงานในเดือนพฤษภาคม 2553มีค่าเท่ากับ 59.3 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ดัชนีสินค้าคงคลัง

ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนพฤษภาคม 2553 มีค่า 50.2 มูลค่า สินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ น้ำตาลทราย อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรูป ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป และ ยางพารา

ปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ

ปัญหา

  • ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป
  • ปัญหาเรื่องเพลี้ย ยังปราบไม่ได้ ส่งผลให้ปีหน้าผลผลิตมันสำปะหลังลดลง อีกทั้งสภาพอากาศแห้งแล้ง ทำให้ผลผลิต เกษตรอื่นๆ ลดลงด้วย
  • ขาดแคลนแรงงาน ขาดแคลนวัตถุดิบ เช่น สับปะรด ไก่ พืชผักต่างๆ
  • อัตราเงินชดเชยเพื่อการส่งออกลดลง
  • งานในประเทศถูกระงับ อันเนื่องมาจากการระงับโครงการที่มาบตาพุด
  • สถานการณ์การเมืองภายในประเทศส่งผลกระทบต่อภาครัฐและเอกชนอย่างรุนแรง เช่น การจัดทำเอกสารส่งออก และการหยุดงาน ลูกค้าต่างประเทศระงับการเยี่ยมชมโรงงาน ทำให้การสั่งซื้อชะลอออกไป
ข้อเสนอแนะ

ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้

  • ควรเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง โดยเน้นการลดต้นทุนของผู้ส่งออก และดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไป
  • รัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ ภายหลังยุติการชุมนุม และป้องกันไม่ให้เกิดสภาวะดังกล่าวขึ้นอีก
  • ควรพิจารณาสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมของ B.O.I สำหรับบริษัทที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นเวลานาน
  • ควรพัฒนาแรงงานฝีมือให้มากกว่านี้ และอนุมัติแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องเข้ามา เพื่อแก้ไขปัญหาแรงงาน

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน

ภาคผนวก

1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า

2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0

3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง

ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825

www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ