การส่งออกมีอย่างต่อเนื่อง แต่มูลค่าลดลง
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 221 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนกรกฎาคม 2553มีค่าเท่ากับ 49.1 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ยางพารา และ อาหารสำเร็จรูป สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและชิ้นส่วน เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนกรกฎาคม 2553 มีค่า 53.0 สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ยางพารา และ อาหารสำเร็จรูป
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี กรกฎาคม 53 24.2 62.6 13.2 11.0 55.5 มิถุนายน 53 26.4 60.6 13.0 13.4 56.7 พฤษภาคม 53 29.3 60.3 10.4 18.9 59.4
ดัชนีการจ้างงานในเดือนกรกฎาคม 2553 มีค่าเท่ากับ 55.5 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนกรกฎาคม 2553 มีค่า 47.9 มูลค่า สินค้าคงคลังที่ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และ อาหารสำเร็จรูป
ปัญหา
- ค่าเงินบาทไม่มีเสถียรภาพ
- ราคาวัตถุดิบ และน้ำมัน สูงขึ้น
- ขาดแคลนแรงงาน ทั้งแรงงานไร้ฝีมือและมีฝีมือ
- การคืนภาษีล่าช้า
- พม่าปิดชายแดน ทำให้ส่งออกไม่ได้
- การโฆษณา และประชาสัมพันธ์ในตลาดต่างประเทศมีน้อย
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
- รัฐบาลควรกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการลงทุนมากกว่านี้
- ส่งเสริมการใช้แรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมาย
- รัฐบาลควรสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
- โฆษณา และประชาสัมพันธ์ในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th