รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน กรกฎาคม 2553

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 2, 2010 12:47 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงเปราะบาง กระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกรกฎาคม 2553 จำนวน 1,893 ราย ปรากฏว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของทั้งประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จาก 19.9 เป็น 20.0 ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในระดับต่ำ รวมทั้งยังระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยสะท้อนได้จากค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 50 เนื่องจากความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ รวมทั้งราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมของปีที่ผ่านมา ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 10.1 เป็น 20.0 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าที่สำคัญมีทิศทางการฟื้นตัวอย่างชัดเจน พิจารณาได้จากการส่งออกของไทยยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันพบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 11.1 เป็น 11.2 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ตามพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยที่ขึ้นอยู่กับภาคการส่งออกและภาคการเกษตรเป็นหลักมีผลให้โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยสำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3เดือน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 25.7 เป็น 25.9 เนื่องจาก

ผลผลิตทางการเกษตรมีทิศทางที่ดีขึ้น และราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับแนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้นตามความต้องการของตลาดโลก

เมื่อพิจารณาราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2553 พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน (แก๊สโซฮอล์ 95) ปรับตัวลดลงจากราคาลิตรละ 32.44 บาท เป็น 31.84 บาท ส่วนน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงจากราคาลิตรละ 27.99 บาท เป็น 27.39 บาท

เมื่อพิจารณาสัดส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรากฏว่าในเดือนกรกฎาคม 2553
  • สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันผู้บริโภครู้สึกว่า “ดีขึ้น” ร้อยละ 9.3 “ไม่ดี” ร้อยละ 63.2
  • สถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 17.9 “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 42.0
  • ภาวการณ์หางานทำในปัจจุบันประเมินว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 6.9 “หางานยาก” ร้อยละ 65.4
  • ภาวการณ์หางานทำในอนาคตคาดว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 7.5 “หางานยาก” ร้อยละ 60.0
  • รายได้ในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 16.9 และ “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 29.2

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม 2553 ปรากฏว่า ประชาชนในทุกภาคยังขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อการบริโภคโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น (เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา) คือ กรุงเทพฯ/ปริมณฑล จาก 13.2 เป็น 19.0 ภาคเหนือ จาก 19.7 เป็น 21.1 และภาคตะวันออก จาก 16.8 เป็น 22.1 เป็นผลมาจากราคาและผลผลิตทางการเกษตรมีทิศทางที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับแนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้นตามความต้องการของตลาดโลก

ส่วนภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง คือ ภาคกลาง จาก 21.2 เป็น 17.4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก 21.6 เป็น 19.8 และภาคใต้จาก 24.6 เป็น 22.6 เนื่องจากวิกฤติภัยแล้งในพื้นที่การเกษตรหลายแห่ง ความแปรปรวนของสภาพอากาศ ฝนทิ้งช่วงและปริมาณน้ำฝนที่ตกส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณพื้นที่ใต้เขื่อนส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ในขั้นวิกฤติ ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อภาคการเกษตรประชาชนได้รับความเดือดร้อนผลผลิตทางการเกษตรลดต่ำลง

ปัญหาที่ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไข เป็นดังนี้
                                                                                   หน่วย:ร้อยละ
     พื้นที่          ราคาสินค้า   ราคาน้ำมัน   การว่างงาน   ค่าครองชีพ   เศรษฐกิจทั่วไป   คอรัปชั่น   ยาเสพติด
ประเทศไทย            17.1      15.5       10.8       13.1          11.1        7.8      6.5
กรุงเทพฯ/ปริมณฑล       17.3      15.5       10.3       12.9          11.4        6.6      5.8
ภาคกลาง              17.3      16.3       11.2       12.7          10.0        9.8      9.2
ภาคเหนือ              15.5      14.4       12.6       13.1          13.2        6.6      5.9
ภาคตะวันออก           19.3      19.8       13.3       12.9          12.1        8.1      2.9
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   18.5      15.6        9.6       13.3           9.6        8.6      5.1
ภาคใต้                15.9      14.8       10.0       13.4          11.2        8.0      8.4

ผู้บริโภคในทุกพื้นที่ ต้องการให้แก้ไขปัญหา ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ เศรษฐกิจทั่วไป การว่างงาน คอรัปชั่น และยาเสพติดตามลำดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังนี้

กรุงเทพฯ/ปริมณฑล ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคกลาง ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและเศรษฐกิจทั่วไป

ภาคตะวันออก ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาสินค้าและการว่างงาน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคใต้ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

1. ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้สูงเกินไปและให้สอดคล้องกับรายได้ที่แท้จริง

2. เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ และสร้างความเท่าเทียมกันเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

3. ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้นอกระบบ/ ผู้มีอิทธิพลเถื่อน และปัญหาการคอรัปชั่น

4. ดูแลราคาสินค้าเกษตร เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่แท้จริงและเป็นธรรม รวมทั้งพัฒนาระบบชลประทานอย่างเป็นรูปธรรม

5. ปรับค่าจ้างและค่าแรงขั้นต่ำ ให้เหมาะสมกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาก

6. สร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุน ฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศและภาคการท่องเที่ยว

---------------------------------------

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือนซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
การอ่านค่าดัชนี

ระดับของค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดยมีเกณฑ์การอ่านค่า ดังนี้

  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 100 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ดี”
  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 0 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ไม่ดี”
ภาคผนวก

1. การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสะท้อนอำนาจการซื้อของประชาชนในประเทศ ซึ่งพิจารณาจากรายได้ที่แต่ละบุคคลได้รับ โดยใช้หลักการแบ่งกลุ่มอาชีพเป็นการกำหนดรายได้ของประชากรซึ่งใช้ข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มอาชีพดังนี้ ผู้ที่ไม่ได้ทำงาน กำลังศึกษา เกษตรกร รับจ้างรายวัน/รับจ้าง พนักงานเอกชน นักธุรกิจ และข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ

2. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อสะท้อนให้เห็นอำนาจซื้อที่เกิดขึ้นจริงของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา ใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับเป็นแนวทางในการวางแผนและนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชน

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-6553 Fax.0-2507-5806 www.price.moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ