ดัชนีภาวะธุรกิจส่งออก (Export Business Index) ประจำเดือนสิงหาคม 2553 (August 2010)

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 5, 2010 15:54 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

การส่งออกยังคงมีแนวโน้มที่ดี

ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 231 ราย ได้ผลดังนี้

ดัชนีมูลค่าส่งออก

ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนสิงหาคม 2553มีค่าเท่ากับ 51.1 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน อาหารสัตว์เลี้ยง และ อาหารสำเร็จรูป สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนสิงหาคม 2553 มีค่า 48.9 สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป และ อาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป น้ำตาลทราย เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรูป

ดัชนีการจ้างงาน
            เดือน           %ดีขึ้น      %เท่าเดิม       %ลดลง     ผลต่าง       ดัชนี
          สิงหาคม 53        23.9        60.8         15.3       8.6      54.3
          กรกฎาคม 53       25.3        61.8         12.9      12.4      56.2
          มิถุนายน 53        26.4        60.6         13.0      13.4      56.7

ดัชนีการจ้างงานในเดือนสิงหาคม 2553มีค่าเท่ากับ 54.3 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ดัชนีสินค้าคงคลัง

ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนสิงหาคม 2553 มีค่า 45.6 มูลค่า สินค้าคงคลังที่ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน และ อาหารสำเร็จรูป ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก รองเท้าและชิ้นส่วน น้ำตาลทราย และ อาหารสัตว์เลี้ยง

ปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ

ปัญหา

  • ค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไป
  • ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ทั้งวัตถุดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และค่าแรง
  • ขาดแคลนแรงงาน ในขณะที่มีคำสั่งซื้อเข้ามา ทำให้ไม่สามารถรับคำสั่งซื้อได้
  • ค่าระวางเรือไปยุโรปและอเมริกาแพงมาก
  • เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มถดถอย อาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในไตรมาส 4
  • ข้าราชการบางหน่วยงานยังให้บริการล่าช้า และมีเงื่อนไข
ข้อเสนอแนะ

ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้

  • ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
  • ควรจัดให้มีการอบรมแรงงานฝีมือ และเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
  • สร้างตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศให้มากขึ้น
  • ควรลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบให้เหลือศูนย์ โดยเฉพาะวัตถุดิบที่ประเทศไทยผลิตไม่ได้
  • ควบคุมราคาวัตถุดิบในการผลิต และคืนภาษีให้เร็วกว่านี้

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน

ภาคผนวก

1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า

2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0

3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง

ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825

www.price.moc.go.thEmail: neworders@moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ