รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน กันยายน 2553

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 5, 2010 16:23 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ผู้บริโภคมีความคาดหวังที่ดีขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจไทย

ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกันยายน 2553 จำนวน 2,048 ราย ปรากฏว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของทั้งประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จาก 21.9 เป็น 24.9 ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในระดับต่ำ รวมทั้งยังระมัดระวังในการใช้จ่าย โดยสะท้อนได้จากค่าดัชนีที่ต่ำกว่า 50 เนื่องจากประชาชนยังคงไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอน รวมทั้งการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวอันเนื่องมาจากเงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 13 ปี เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนของปีที่ผ่านมา ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 14.8 เป็น 24.9 เนื่องจากการบริโภคภายประเทศมีทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่งผลให้อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันพบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 15.0 เป็น 16.4 เนื่องจากโครงการต่างๆของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือประชาชน เช่น การประกันรายได้และประกันภัยพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งให้ความช่วยเหลือและชดเชยค่าเสียให้กับประชาชนจากอุทกภัย

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3เดือน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 26.4 เป็น 30.5 แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความคาดหวังที่ดีขึ้นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจนโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย

เมื่อพิจารณาราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศของเดือนกันยายน 2553 พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน(แก๊สโซฮอล์ 95) ทรงตัวอยู่ที่ระดับราคาลิตรละ 30.64 บาท ส่วนน้ำมันดีเซล ทรงตัวอยู่ที่ราคาลิตรละ 26.59 บาท

เมื่อพิจารณาสัดส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปรากฏว่าในเดือนกันยายน 2553
  • สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันผู้บริโภครู้สึกว่า “ดีขึ้น” ร้อยละ 14.1 “ไม่ดี” ร้อยละ 59.4
  • สถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 17.9 “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 40.4
  • ภาวการณ์หางานทำในปัจจุบันประเมินว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 9.8 “หางานยาก” ร้อยละ 62.4
  • ภาวการณ์หางานทำในอนาคตคาดว่า “หางานง่าย” ร้อยละ 10.1 “หางานยาก” ร้อยละ 53.7
  • รายได้ในอนาคต “คาดว่าจะดีขึ้น” ร้อยละ 19.5 และ “คาดว่าจะไม่ดี” ร้อยละ 23.7

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกันยายน 2553 ปรากฏว่า ประชาชนในทุกภาคยังขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อการบริโภคโดยรวมของประเทศ อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น (เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา) คือ ภาคกลาง จาก 16.5 เป็น 17.5 ภาคเหนือ จาก 23.3 เป็น 27.3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก 24.2 เป็น 28.7 และภาคใต้ จาก 24.9 เป็น 40.3 เป็นผลมาจากราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น แต่ผลผลิตทางการเกษตรในปีนี้มีแนวโน้มลดลงกว่าหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ภัยแล้ง น้ำท่วม โรคระบาดในพืช ซึ่งสร้างความเดือดร้อนและเสียหายในหลายพื้นที่

ส่วนภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง คือ กรุงเทพฯ/ปริมณฑล จาก 15.5 เป็น 14.6 และภาคตะวันออก จาก 31.3 เป็น 20.2 เนื่องจากยังคงมีสถานการณ์ความไม่สงบในเขตกรุงเทพมหานครและนนทบุรี รวมทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้

ปัญหาที่ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไข เป็นดังนี้
                                                                                   หน่วย:ร้อยละ
     พื้นที่          ราคาสินค้า   ราคาน้ำมัน   การว่างงาน   ค่าครองชีพ   เศรษฐกิจทั่วไป   คอรัปชั่น   ยาเสพติด
ประเทศไทย            16.4      15.3       11.0       13.9          11.6        8.0      7.5
กรุงเทพฯ/ปริมณฑล       15.5      14.4        8.6       14.4          10.6        8.1      8.1
ภาคกลาง              15.6      15.5       10.9       14.5          11.2        8.9      8.5
ภาคเหนือ              14.5      16.0       12.4       12.7          13.1        9.0      8.4
ภาคตะวันออก           17.6      14.3       14.4       17.0          11.6        4.6      9.4
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   17.9      15.0       11.2       13.2          10.3        9.6      4.5
ภาคใต้                18.0      16.3       11.2       13.6          13.0        5.1      7.7

ผู้บริโภคในทุกพื้นที่ ต้องการให้แก้ไขปัญหา ราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ เศรษฐกิจทั่วไป การว่างงาน คอรัปชั่น และยาเสพติด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังนี้

กรุงเทพฯ/ปริมณฑล ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมัน/ค่าครองชีพและเศรษฐกิจทั่วไป

ภาคกลาง ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ราคาสินค้าและเศรษฐกิจทั่วไป

ภาคตะวันออก ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ค่าครองชีพและว่างงาน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ภาคใต้ ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ

ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

1. ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ปรับค่าจ้างและค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน

2. ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหาย

3. เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ และสร้างความเท่าเทียมกันเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

4. ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้นอกระบบ/ ผู้มีอิทธิพลเถื่อน และปัญหาการคอรัปชั่น

5. แก้ไขปัญหาเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไป เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

6. แก้ไขปัญหาระดับชุมชนและรากหญ้าเพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

---------------------------------------

หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีการปรับปรุงข้อมูลย้อนหลังทุกเดือนซึ่งจะรายงานในเดือนถัดไป
การอ่านค่าดัชนี

ระดับของค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดยมีเกณฑ์การอ่านค่า ดังนี้

  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 100 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ดี”
  • ดัชนีมีค่า เข้าใกล้ 0 หมายถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ “ไม่ดี”
ภาคผนวก

1. การจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการสะท้อนอำนาจการซื้อของประชาชนในประเทศ ซึ่งพิจารณาจากรายได้ที่แต่ละบุคคลได้รับ โดยใช้หลักการแบ่งกลุ่มอาชีพเป็นการกำหนดรายได้ของประชากรซึ่งใช้ข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มอาชีพดังนี้ ผู้ที่ไม่ได้ทำงาน กำลังศึกษา เกษตรกร รับจ้างรายวัน/รับจ้าง พนักงานเอกชน นักธุรกิจ และข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ

2. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อสะท้อนให้เห็นอำนาจซื้อที่เกิดขึ้นจริงของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา ใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับเป็นแนวทางในการวางแผนและนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชน

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-6553 Fax.0-2507-5806 www.price.moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ