คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินจาก ธ.ก.ส. ในวงเงิน 752 ล้านบาท โดยใช้น้ำตาลทรายที่ซื้อจากโรงงานน้ำตาลกลุ่มวังขนาย ประกอบด้วย บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น จำกัด บริษัท น้ำตาลรีไฟน์ชัยมงคล จำกัด และบริษัท อุตสาหกรรมอ่างเวียน จำกัด จำนำเป็นหลักประกัน ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
1. กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายต้องมีกรรมสิทธิ์ในน้ำตาลทรายที่นำไปจำนำเป็นหลักประกันกับ ธ.ก.ส.
2. กองทุนฯ มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจัดการ ดำเนินการ และควบคุมกำกับดูแลในการจัดเก็บ และการจำหน่ายน้ำตาลทราย เพื่อชำระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. โดยกำหนดเวลาดำเนินการไม่เกิน 8 เดือน ตามงวดการจำหน่ายน้ำตาลทราย โควตา ก
กระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงว่า คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ได้รับการร้องเรียนว่า ชาวไร่อ้อยในสังกัดสมาคมชาวไร่อ้อยลพบุรี สมาคมกลุ่มชาวไร้อ้อยเขต 7 และสมาคมชาวไร่อ้อยอีสานใต้ จำนวนกว่า 6,600 ราย ซึ่งส่งอ้อยให้กับโรงงานน้ำตาลกลุ่มวังขนาย ประกอบด้วย บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น จำกัด บริษัท น้ำตาลรีไฟน์ ชัยมงคล จำกัด และบริษัท อุตสาหกรรมอ่างเวียน จำกัด ตามลำดับ ไม่ได้รับเงินค่าอ้อยขั้นต้นครบถ้วนในฤดูการผลิตปี 2549/2550 คิดเป็นมูลค่าหนี้ จำนวน 752 ล้านบาท ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ชาวไร่อ้อยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ในที่ประชุมครั้งที่ 2/2550 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 ได้พิจารณาการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับชาวไร่อ้อย และมีมติให้คณะกรรมการบริหารกองทุน (กท.) พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยเร็วโดยให้โอนน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลกลุ่มวังขนาย ทั้ง 3 โรงงาน ในจำนวนที่คุ้มมูลค่าหนี้ให้กับ กท. เพื่อนำไปจำนำกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และให้จัดทำขั้นตอนการปฏิบัติในการกำกับดูแล การขนย้ายและจำหน่ายน้ำตาลทรายจำนวนดังกล่าว พร้อมทั้งให้จัดทำรายละเอียดข้อตกลง 5 ฝ่าย เพื่อให้มั่นใจว่าชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินค่าอ้อยขั้นต้นในฤดูการผลิตปี 2549/2550 ได้ครบถ้วนโดยเร็ว ในขณะเดียวกัน ธ.ก.ส. จะได้รับชำระหนี้คืนจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายดังกล่าว ซึ่ง กท. ในการประชุมครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 ได้มีมติเห็นชอบตามที่ กอน. เสนอ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 เมษายน 2550--จบ--
1. กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายต้องมีกรรมสิทธิ์ในน้ำตาลทรายที่นำไปจำนำเป็นหลักประกันกับ ธ.ก.ส.
2. กองทุนฯ มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจัดการ ดำเนินการ และควบคุมกำกับดูแลในการจัดเก็บ และการจำหน่ายน้ำตาลทราย เพื่อชำระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. โดยกำหนดเวลาดำเนินการไม่เกิน 8 เดือน ตามงวดการจำหน่ายน้ำตาลทราย โควตา ก
กระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงว่า คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ได้รับการร้องเรียนว่า ชาวไร่อ้อยในสังกัดสมาคมชาวไร่อ้อยลพบุรี สมาคมกลุ่มชาวไร้อ้อยเขต 7 และสมาคมชาวไร่อ้อยอีสานใต้ จำนวนกว่า 6,600 ราย ซึ่งส่งอ้อยให้กับโรงงานน้ำตาลกลุ่มวังขนาย ประกอบด้วย บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที.เอ็น จำกัด บริษัท น้ำตาลรีไฟน์ ชัยมงคล จำกัด และบริษัท อุตสาหกรรมอ่างเวียน จำกัด ตามลำดับ ไม่ได้รับเงินค่าอ้อยขั้นต้นครบถ้วนในฤดูการผลิตปี 2549/2550 คิดเป็นมูลค่าหนี้ จำนวน 752 ล้านบาท ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ชาวไร่อ้อยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ในที่ประชุมครั้งที่ 2/2550 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 ได้พิจารณาการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับชาวไร่อ้อย และมีมติให้คณะกรรมการบริหารกองทุน (กท.) พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยเร็วโดยให้โอนน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลกลุ่มวังขนาย ทั้ง 3 โรงงาน ในจำนวนที่คุ้มมูลค่าหนี้ให้กับ กท. เพื่อนำไปจำนำกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และให้จัดทำขั้นตอนการปฏิบัติในการกำกับดูแล การขนย้ายและจำหน่ายน้ำตาลทรายจำนวนดังกล่าว พร้อมทั้งให้จัดทำรายละเอียดข้อตกลง 5 ฝ่าย เพื่อให้มั่นใจว่าชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินค่าอ้อยขั้นต้นในฤดูการผลิตปี 2549/2550 ได้ครบถ้วนโดยเร็ว ในขณะเดียวกัน ธ.ก.ส. จะได้รับชำระหนี้คืนจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายดังกล่าว ซึ่ง กท. ในการประชุมครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 ได้มีมติเห็นชอบตามที่ กอน. เสนอ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 เมษายน 2550--จบ--