เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และ
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้นำร่างพระราชกฤษฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป สำหรับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการต่อไปได้
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้งสองฉบับดังกล่าวเสร็จแล้ว มีการปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายทั้งสองฉบับให้ถูกต้องเหมาะสม และเป็นไปตามแบบของร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีโดยทั่วไป จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. จัดตั้ง “องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ” ขึ้น เรียกโดยย่อ (อบก.) มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และอาจจัดตั้งได้ตามคณะกรรมการเห็นสมควร (ร่างมาตรา 5 และร่างมาตรา 6)
2. กำหนดวัตถุประสงค์ขององค์การเพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงการและการตลาดการซื้อขายก๊าซเรือนกระจก เป็นศูนย์ข้อมูล และจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น และให้มีอำนาจหน้าที่ในการถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครองหรือก่อตั้งทรัพยสิทธิต่าง ๆ ก่อตั้งสิทธิ หรือทำนิติกรรมทุกประเภทผูกพันสินทรัพย์ ตลอดจนนิติกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการขององค์การ จัดให้มีหรือให้ทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านก๊าซเรือนกระจก เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบำรุงค่าตอบแทน หรือค่าบริการในการดำเนินการ (ร่างมาตรา 7 และร่างมาตรา 8)
3. องค์การมีอำนาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน หรือค่าบริการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ และวัตถุประเภทขององค์การได้ และรายได้ขององค์การไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง (ร่างมาตรา 12)
4. ให้มีคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกเพื่อดูแลกิจการทั่วไปขององค์การ รวมทั้งการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน หรือค่าบริการในการดำเนินการ จัดตั้งและยุบเลิกสำนักสาขากำหนดวิธีการบริหารงานของสำนักงาน การสรรหา แต่งตั้ง ประเมินผลการปฏิบัติงาน และถอดถอนผู้อำนวยการ (ร่างมาตรา 15 และร่างมาตรา 20)
5. กำหนดให้มีผู้อำนวยการองค์การมาจากการสรรหาของคณะกรรมการ มีวาระในตำแหน่งคราวละสี่ปีและอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน โดยมีหน้าที่บริหารกิจการขององค์การให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ขององค์การ และเป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน (ร่างมาตรา 24 และร่างมาตรา 28)
6. ผู้ปฏิบัติการขององค์การมี 3 ประเภท คือ (1) เจ้าหน้าที่หรือลูกจ้าง (2) ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ (3) เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมาปฏิบัติงานขององค์การเป็นการชั่วคราว (ร่างมาตรา 32)
7. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีอำนาจกำกับดูแลการดำเนินการกิจการขององค์การได้เป็นไปตามกฎหมายและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งองค์การ นโยบายของรัฐบาล มติคณะรัฐมนตรี และมติของคณะกรรมการแห่งชาติที่เกี่ยวกับองค์การ (ร่างมาตรา 40)
8. ให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้คำรับรองโครงการที่มีความเหมาะสมและมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม และต้องเป็นโครงการที่ส่งผลให้เกิดการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ และส่งเสริมการพัฒนาของประเทศอย่างยั่งยืน ว่าเป็นโครงการตามกลไกการพัฒนาที่สะอาด (ร่างมาตรา 41 ถึงร่างมาตรา 45)
9. กำหนดเป็นบทเฉพาะกาล ให้มีคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกชั่วคราว ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสี่คนที่รัฐมนตรีแต่งตั้งจากสาขาการบริหารธุรกิจ การพลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าจะมีคณะกรรมการตามพระราชกฤษฎีกานี้ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ (ร่างมาตรา 46) และให้คณะกรรมการชั่วคราวแต่งตั้งกรรมการสรรหาจำนวนเจ็ดคน เพื่อสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรก แล้วดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและแต่งตั้ง (ร่างมาตรา 47)
10. ให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติฯ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการตามพระราชกฤษฎีกานี้ (ร่างมาตรา 48)
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ให้มีคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านพลังงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินเจ็ดคน โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ (ร่างข้อ 4)
2. คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์การป้องกันและการแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย การเก็บกักและปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก กำหนดนโยบายแนวทางหลักเกณฑ์และกลไกการดำเนินงานร่วมกับนานาชาติเกี่ยวกับการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้สอดคล้องกับสภาพของเศรษฐกิจ สังคมและผลประโยชน์ของประเทศรวมทั้งข้อตกลงระหว่างประเทศ (ร่างข้อ 8)
3. ให้จัดตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหน่วยงานภายในสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติฯ ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ (ร่างข้อ 10)
4. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือเทียบเท่าเป็นผู้มีอำนาจตามพิธีสาร (ร่างข้อ 11)
5. ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามระเบียบ (ร่างข้อ 12)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 พฤษภาคม 2550--จบ--
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้นำร่างพระราชกฤษฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป สำหรับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการต่อไปได้
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้งสองฉบับดังกล่าวเสร็จแล้ว มีการปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายทั้งสองฉบับให้ถูกต้องเหมาะสม และเป็นไปตามแบบของร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีโดยทั่วไป จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. จัดตั้ง “องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ” ขึ้น เรียกโดยย่อ (อบก.) มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และอาจจัดตั้งได้ตามคณะกรรมการเห็นสมควร (ร่างมาตรา 5 และร่างมาตรา 6)
2. กำหนดวัตถุประสงค์ขององค์การเพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงการและการตลาดการซื้อขายก๊าซเรือนกระจก เป็นศูนย์ข้อมูล และจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น และให้มีอำนาจหน้าที่ในการถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครองหรือก่อตั้งทรัพยสิทธิต่าง ๆ ก่อตั้งสิทธิ หรือทำนิติกรรมทุกประเภทผูกพันสินทรัพย์ ตลอดจนนิติกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการขององค์การ จัดให้มีหรือให้ทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านก๊าซเรือนกระจก เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบำรุงค่าตอบแทน หรือค่าบริการในการดำเนินการ (ร่างมาตรา 7 และร่างมาตรา 8)
3. องค์การมีอำนาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน หรือค่าบริการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ และวัตถุประเภทขององค์การได้ และรายได้ขององค์การไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง (ร่างมาตรา 12)
4. ให้มีคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกเพื่อดูแลกิจการทั่วไปขององค์การ รวมทั้งการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน หรือค่าบริการในการดำเนินการ จัดตั้งและยุบเลิกสำนักสาขากำหนดวิธีการบริหารงานของสำนักงาน การสรรหา แต่งตั้ง ประเมินผลการปฏิบัติงาน และถอดถอนผู้อำนวยการ (ร่างมาตรา 15 และร่างมาตรา 20)
5. กำหนดให้มีผู้อำนวยการองค์การมาจากการสรรหาของคณะกรรมการ มีวาระในตำแหน่งคราวละสี่ปีและอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน โดยมีหน้าที่บริหารกิจการขององค์การให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ขององค์การ และเป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน (ร่างมาตรา 24 และร่างมาตรา 28)
6. ผู้ปฏิบัติการขององค์การมี 3 ประเภท คือ (1) เจ้าหน้าที่หรือลูกจ้าง (2) ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ (3) เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมาปฏิบัติงานขององค์การเป็นการชั่วคราว (ร่างมาตรา 32)
7. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีอำนาจกำกับดูแลการดำเนินการกิจการขององค์การได้เป็นไปตามกฎหมายและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งองค์การ นโยบายของรัฐบาล มติคณะรัฐมนตรี และมติของคณะกรรมการแห่งชาติที่เกี่ยวกับองค์การ (ร่างมาตรา 40)
8. ให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้คำรับรองโครงการที่มีความเหมาะสมและมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม และต้องเป็นโครงการที่ส่งผลให้เกิดการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ และส่งเสริมการพัฒนาของประเทศอย่างยั่งยืน ว่าเป็นโครงการตามกลไกการพัฒนาที่สะอาด (ร่างมาตรา 41 ถึงร่างมาตรา 45)
9. กำหนดเป็นบทเฉพาะกาล ให้มีคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกชั่วคราว ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสี่คนที่รัฐมนตรีแต่งตั้งจากสาขาการบริหารธุรกิจ การพลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าจะมีคณะกรรมการตามพระราชกฤษฎีกานี้ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ (ร่างมาตรา 46) และให้คณะกรรมการชั่วคราวแต่งตั้งกรรมการสรรหาจำนวนเจ็ดคน เพื่อสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรก แล้วดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและแต่งตั้ง (ร่างมาตรา 47)
10. ให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติฯ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการตามพระราชกฤษฎีกานี้ (ร่างมาตรา 48)
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ให้มีคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านพลังงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินเจ็ดคน โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ (ร่างข้อ 4)
2. คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์การป้องกันและการแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย การเก็บกักและปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก กำหนดนโยบายแนวทางหลักเกณฑ์และกลไกการดำเนินงานร่วมกับนานาชาติเกี่ยวกับการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้สอดคล้องกับสภาพของเศรษฐกิจ สังคมและผลประโยชน์ของประเทศรวมทั้งข้อตกลงระหว่างประเทศ (ร่างข้อ 8)
3. ให้จัดตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหน่วยงานภายในสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติฯ ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ (ร่างข้อ 10)
4. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือเทียบเท่าเป็นผู้มีอำนาจตามพิธีสาร (ร่างข้อ 11)
5. ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามระเบียบ (ร่างข้อ 12)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 พฤษภาคม 2550--จบ--