เรื่อง ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษี
เงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินที่จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ข้อเท็จจริง
กระทรวงการคลังเสนอว่า
1. ปัจจุบันผู้มีเงินได้พึงประเมินสามารถนำค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปคำนวณหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้ได้เป็นจำนวน 10,000 บาท และยกเว้นภาษีเงินได้อีกเป็นจำนวน 90,000 บาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 100,000 บาท แต่เนื่องจากกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญมีผู้ทำสัญญาประกันชีวิตเป็นจำนวนไม่มากนัก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและ ส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ได้เสนอให้มีการพิจารณาขอหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีสำหรับค่าเบี้ยกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญเพิ่มขึ้น และเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาตลาดทุนไทยที่เสนอขอให้หักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีสำหรับค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยให้อยู่ในวงเดียวกันกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (กสล.) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
2. กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้มีเงินได้ทำสัญญาการประกันชีวิตแบบบำนาญเพื่อสะสมเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณอายุอันเป็นหลักประกันความมั่นคงในบั้นปลายของชีวิต และเพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมดังกล่าว จึงเห็นควรกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญเพิ่มขึ้นอีก จากข้อกฎหมายปัจจุบันที่ผู้มีเงินได้สามารถหักค่าลดหย่อนและยกเว้นภาษีเงินได้ รวมไม่เกิน 100,000 บาท โดยให้ผู้มีเงินได้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีอีกเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินได้ที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้เท่าที่ผู้มีเงินได้จ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันภัย สำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญของผู้มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงเฉพาะส่วนที่เกิน 90,000 บาท ให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีอีกไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินได้ที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท (ร่างข้อ 1)
2. กำหนดให้การยกเว้นภาษีใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี 2553 ที่ต้องยื่นรายการในปี พ.ศ.2554 เป็นต้นไป (ร่างข้อ 2)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 ตุลาคม 2553--จบ--