มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 20, 2010 14:50 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงการคลังเสนอหลักการและแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ดังนี้

1. ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ หมายถึง บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่งประกอบกิจการจัดซื้อและขายสินค้านอกประเทศไทยให้แก่วิสาหกิจในเครือโดยสินค้าดังกล่าวมิได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย และประกอบกิจการจัดซื้อวัตถุดิบและชิ้นส่วนและขายให้แก่วิสาหกิจในเครือของตนเพื่อความมุ่งประสงค์ ในการผลิตนอกประเทศไทยที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือดังกล่าว

2. วิสาหกิจในเครือ หมายถึง บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ ในลักษณะดังต่อไปนี้

(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งถือหุ้นในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของทุนทั้งหมด

(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของทุนทั้งหมด

(3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (1) ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของทุนทั้งหมด

(4) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจควบคุมกิจการ หรือกำกับดูแลการดำเนินงาน และการบริหารงานของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ

(5) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ มีอำนาจควบคุมกิจการ หรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน

(6) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตาม (4) มีอำนาจควบคุมกิจการ หรือกำกับดูแลการดำเนินงานและการบริหารงาน

3. หลักเกณฑ์และเงื่อนไข การเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ มีดังนี้

(1) มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

(2) มีรายจ่ายดังต่อไปนี้

(ก) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ มีจ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาทต่อปี แต่ไม่รวมถึงค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน รายจ่ายในการดำเนินงานที่จ่ายไปต่างประเทศ ค่าวัตถุดิบ ค่าสิทธิ ค่าส่วนประกอบ และค่าบรรจุภัณฑ์ หรือ

(ข) ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ ที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทย โดยเป็นการจ่ายเงินจริงในปีนั้น ๆ ไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี แต่ไม่รวมถึงเงินลงทุนในหลักทรัพย์

(3) ราคาสินค้าที่ซื้อขายกันระหว่างศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ และวิสาหกิจในเครือต้องเป็นราคาตลาดตามมาตรา 65 ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎากร

(4) มีรายได้ในธุรกรรมที่ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างน้อย 1,000 ล้านบาทต่อปีภายในรอบระยะเวลาบัญชีที่ 3 นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่ใช้สิทธิลดอัตราภาษี

(5) วิสาหกิจในเครือในประเทศไทยและในต่างประเทศต้องมีผู้บริหารและพนักงานดำเนินการจริง และมีการประกอบกิจการจริงตามวัตถุประสงค์ของกิจการ หรือตามที่แจ้งไว้กับกรมสรรพากร โดยวิสาหกิจในเครือในต่างประเทศต้องมีที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ

(6) พนักงานที่ปฏิบัติงานในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ ต้องเป็นผู้มีทักษะและความรู้ขั้นต่ำตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีประกาศกำหนด

(7) มีการจ่ายค่าจ้างแรงงานให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ ไม่น้อยกว่า 2.5 ล้านบาทต่อคนต่อปี เป็นจำนวนอย่างน้อย 3 คน ตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปีที่ 3 นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่ใช้ สิทธิลดอัตราภาษี

(8) จดแจ้งการเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ภายใน 2 ปีนับแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้

(9) กรณีศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในข้อ (1) — (8) ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้หมดสิทธิการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่ใช้สิทธิประโยชน์

4. สิทธิประโยชน์ทางภาษี

สิทธิประโยชน์ทางภาษีของศูนย์กลางการจัดหาสินค้าเพื่อการผลิตระหว่างประเทศ มีดังนี้

(1) ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เหลือร้อยละ 15 สำหรับกำไรสุทธิให้แก่ศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ เป็นเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน สำหรับรายได้ดังต่อไปนี้

(ก) รายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้านอกประเทศให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งในต่างประเทศ โดยสินค้าดังกล่าวมิได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย

(ข) รายได้จากการขายวัตถุดิบและชิ้นส่วนให้แก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งในต่างประเทศ เพื่อความมุ่งประสงค์ในการผลิตนอกประเทศไทยที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือดังกล่าว

(2) ในกรณีศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ มีรายได้จากธุรกรรมใน ข้อ 4 (1) (ก) และ (ข) ข้างต้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของรายได้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์รวมกับรายได้จากการขายวัตถุดิบและชิ้นส่วนให้แก่วิสาหกิจในเครือในประเทศเพื่อการผลิตที่ได้กระทำโดยวิสาหกิจในเครือในประเทศดังกล่าว คนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้บริหารหรือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่ได้แจ้งไว้ต่อกรมสรรพากร จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 15 สำหรับเงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานที่คนต่างด้าวได้รับจากการทำงานในศูนย์กลางการจัดหาสินค้าฯ และยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานที่คนต่างด้าวนั้นถูกส่งไปทำงานในต่างประเทศและไม่นำเงินได้นั้นมาหักเป็นรายจ่ายในประเทศไทย เป็นจำนวนไม่เกิน 3 คน เป็นเวลา 5 ปีต่อเนื่องกัน

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 ตุลาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ