ปัญหาอาชญากรรม

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 20, 2010 15:31 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า

1. ตามมติคณะรัฐมนตรี (31 สิงหาคม 2553) รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ได้รับการสั่งการจากนายกรัฐมนตรีให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัด กวดขัน ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์

2. ในช่วงเดือนสิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์คนร้ายปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ร้านทอง ธนาคารและบ้านเรือนประชาชนมากผิดปกติ เช่น วันที่ 14 สิงหาคม 2553 เกิดเหตุลักตู้เซฟร้านทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 23 สิงหาคม 2553 เกิดเหตุชิงทรัพย์ร้านทองในห้างอิมพีเรียล สาขาลาดพร้าว วันที่ 28 สิงหาคม 2553 เกิดเหตุลักตู้เอทีเอ็ม จังหวัดระยอง และวันที่ 30 สิงหาคม 2553 เกิดเหตุชิงทรัพย์ธนาคารยูโอบี สาขาจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งกรณีที่ชาวบ้านขึ้นป้ายขอความร่วมมือโจรอย่าเข้ามาลักทรัพย์ในบ้านอีก และการปล้นรถขนบุหรี่ ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น

ดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความอบอุ่นใจให้กับประชาชนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจึงให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ ดังนี้

2.1 ด้านการป้องกัน

2.1.1 ระดมสรรพกำลังในการออกตรวจพื้นที่ จัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัดอย่างจริงจังและ ต่อเนื่องในพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยง เช่น ธนาคาร ร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ ตู้เอทีเอ็ม สถานีบริการน้ำมัน-ก๊าซ รวมทั้งเคหสถาน ต่างๆ ที่มีคดีลักทรัพย์เกิดขึ้นบ่อย ทั้งนี้ให้ดำเนินการโดยประสานกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการร่วมกันดูแลความสงบเรียบร้อยภายในชุมชน

2.1.2 เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับสถานบริการและแหล่งอบายมุขต่างๆ ที่เป็นแหล่งเพาะเชื้ออาชญากรรม รวมทั้งหอพัก อพาร์ตเม้นท์ ที่มีลักษณะเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น

2.1.3 ในระดับสถานีตำรวจให้เร่งรัดจัดทำฐานข้อมูลอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้เป็นปัจจุบัน และพร้อมใช้เป็นข้อมูลสำหรับการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิดได้ทันที

2.2 ด้านการปราบปราม

2.2.1 เร่งดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดในคดีสำคัญที่เกี่ยวกับทรัพย์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ รวมทั้งคดีที่เกิดขึ้นโดยมีแผนประทุษกรรมคล้ายคลึงกันบ่อยครั้ง และติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดตามหมายจับคดีค้างเก่าอย่างต่อเนื่อง โดยประสานใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการวิเคราะห์ข้อมูลหมายจับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลต้องสงสัย คนร้าย หรือกลุ่มคนร้าย บุคคลพ้นโทษ เพื่อไม่ให้มีโอกาสก่ออาชญากรรมได้

2.2.2 เพิ่มความถี่ในการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ให้มากขึ้น โดยเน้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ โดยมุ่งเน้นคดีลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ในเคหสถาน ธนาคาร ร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมัน-ก๊าซ การลักทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะ แหล่งค้ายาเสพติด แหล่งซุกซ่อนรถยนต์ดัดแปลงที่ถูกโจรกรรม แหล่งมั่วสุมต่าง ๆ รวมทั้งแหล่งชุมชนแออัดที่มีคนต่างด้าวพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยให้ทุกหน่วยจัดห้วงระดมกวาดล้างอาชญากรรม ตั้งแต่ 1-30 กันยายน 2553

2.3 ด้านการประชาสัมพันธ์

2.3.1 เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายเข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์ของตนเองได้ง่าย รวมทั้งการให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดของคนร้าย

2.3.2 กรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำความผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวม หรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนให้พิจารณาจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ

2.4 การรายงานผลการปฏิบัติ

2.4.1 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลความคืบหน้าของคดีที่เกิดขึ้นดังกล่าวข้างต้นให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบทุกระยะ 1 เดือน โดยครั้งแรกรายงานในวันที่ 10 กันยายน 2553

2.4.2 ให้ทุกหน่วยรายงานผลปฏิบัติตาม 2.2.2 ตามแบบฟอร์มการรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ [ผ่าน กองแผนงานอาชญากรรม สำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ ตช. (ผอ.สยศ.ตร.)] ทราบภายในวันที่ 5 ตุลาคม 2553

2.5 การอำนวยการ

2.5.1 ให้ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานในระดับกองบัญชาการ กองบังคับการ และสถานีตำรวจนครบาลหรือสถานีตำรวจภูธร (บช. บก. และสน./สภ.) ให้ความสำคัญรวมทั้งกวดขัน ควบคุม และตรวจสอบการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างใกล้ชิดให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม

2.5.2 ให้ผู้บังคับบัญชาระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขึ้นไป (ระดับ ตร.) ที่รับผิดชอบกำกับดูแลในแต่ละพื้นที่กำกับดูแลการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดอีกส่วนหนึ่งด้วย

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 ตุลาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ