แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ร่างพระราชบัญญัติ
สุขภัณฑ์กะรัต
กระทรวงแรงงาน
โรงแรมคอนราด
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
กระทรวงแรงงานรายงานว่าการควบคุมการทำงานของคนต่างด้าวในประเทศไทยโดยออกใบอนุญาต เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2515 โดยประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 โดยวางหลักการว่าคนต่างด้าวจะทำงานได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตและเฉพาะคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และมีการกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ เนื่องจากมีการกำหนดหลักการไว้ทำให้คนต่างด้าวบางประเภทที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่มีหลักฐานการเข้าเมืองไม่อยู่ในข่ายบังคับของกฎหมายฉบับนี้ จึงได้มีการปรับปรุงแก้ไขโดยพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 และต่อมาได้มีการแก้ไขในปี 2544 แต่เนื่องจากการทำงานของคนต่างด้าวค่อย ๆ มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นลำดับ ประกอบกับปัจจุบันมีการติดต่อค้าขายและลงทุนระหว่างประเทศ มีการแข่งขันและใช้เทคโนโลยี ทำให้คนงานในประเทศนิยมทำงานในภาคผลิตสมัยใหม่ ส่วนแรงงานระดับล่างนิยมเดินทางไปทำงานต่างประเทศแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางเข้ามาลักลอบทำงานเนื่องจากขาดแคลนแรงงานภายในประเทศ จนรัฐต้องดำเนินนโยบายจัดการแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง โดยในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดให้คนต่างด้าวตามความตกลงได้รับการยกเว้นไม่ใช้บังคับพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว ดังนั้น การแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าว จะมีส่วนส่งเสริมการพัฒนาประเทศ สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงของประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ยกเลิกบทบัญญัติในการออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดงานท้องที่ เงื่อนเวลาและเงื่อนไขที่ห้ามคนต่างด้าวทำ โดยเปลี่ยนแปลงเป็นกำหนดให้คนต่างด้าวทำงานได้เฉพาะงานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 7 และร่างมาตรา 8)
2. กำหนดให้บุคคลที่จะจ้างคนต่างด้าวทำงานต้องได้รับอนุญาตและต้องชำระค่าธรรมเนียมการจ้าง (ร่างมาตรา 10)
3. กำหนดให้บุคคลที่รับคนต่างด้าวทำงานต้องวางเงินประกันเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้คนต่างด้าวเดินทางกลับออกนอกราชอาณาจักร ตลอดจนการเก็บรักษาและใช้จ่ายเงินประกัน (ร่างมาตรา 17)
4. กำหนดให้ต่อใบอนุญาตได้ไม่เกิน 2 ปี และต้องชำระค่าปรับรายวัน หากต่อภายหลังใบอนุญาตสิ้นอายุ (ร่างมาตรา 20)
5. กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการในการขออนุญาตจ้างคนต่างด้าว (การขอโควตา) ที่มีการบัญญัติเพิ่มเติมตามมาตรา 10 (ร่างมาตรา 21)
6. เพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว (ร่างมาตรา 28)
7. กำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าว ประกอบด้วยปลัดกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานกรรมการและกรรมการอื่นอีก 8 คน โดยมีผู้แทนกรมการจัดหางานเป็นกรรมการและเลขานุการ (ร่างมาตรา 34)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 พฤษภาคม 2550--จบ--
กระทรวงแรงงานรายงานว่าการควบคุมการทำงานของคนต่างด้าวในประเทศไทยโดยออกใบอนุญาต เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2515 โดยประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 โดยวางหลักการว่าคนต่างด้าวจะทำงานได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตและเฉพาะคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และมีการกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ เนื่องจากมีการกำหนดหลักการไว้ทำให้คนต่างด้าวบางประเภทที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่มีหลักฐานการเข้าเมืองไม่อยู่ในข่ายบังคับของกฎหมายฉบับนี้ จึงได้มีการปรับปรุงแก้ไขโดยพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 และต่อมาได้มีการแก้ไขในปี 2544 แต่เนื่องจากการทำงานของคนต่างด้าวค่อย ๆ มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นลำดับ ประกอบกับปัจจุบันมีการติดต่อค้าขายและลงทุนระหว่างประเทศ มีการแข่งขันและใช้เทคโนโลยี ทำให้คนงานในประเทศนิยมทำงานในภาคผลิตสมัยใหม่ ส่วนแรงงานระดับล่างนิยมเดินทางไปทำงานต่างประเทศแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางเข้ามาลักลอบทำงานเนื่องจากขาดแคลนแรงงานภายในประเทศ จนรัฐต้องดำเนินนโยบายจัดการแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง โดยในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดให้คนต่างด้าวตามความตกลงได้รับการยกเว้นไม่ใช้บังคับพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว ดังนั้น การแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าว จะมีส่วนส่งเสริมการพัฒนาประเทศ สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงของประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ยกเลิกบทบัญญัติในการออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดงานท้องที่ เงื่อนเวลาและเงื่อนไขที่ห้ามคนต่างด้าวทำ โดยเปลี่ยนแปลงเป็นกำหนดให้คนต่างด้าวทำงานได้เฉพาะงานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 7 และร่างมาตรา 8)
2. กำหนดให้บุคคลที่จะจ้างคนต่างด้าวทำงานต้องได้รับอนุญาตและต้องชำระค่าธรรมเนียมการจ้าง (ร่างมาตรา 10)
3. กำหนดให้บุคคลที่รับคนต่างด้าวทำงานต้องวางเงินประกันเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้คนต่างด้าวเดินทางกลับออกนอกราชอาณาจักร ตลอดจนการเก็บรักษาและใช้จ่ายเงินประกัน (ร่างมาตรา 17)
4. กำหนดให้ต่อใบอนุญาตได้ไม่เกิน 2 ปี และต้องชำระค่าปรับรายวัน หากต่อภายหลังใบอนุญาตสิ้นอายุ (ร่างมาตรา 20)
5. กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการในการขออนุญาตจ้างคนต่างด้าว (การขอโควตา) ที่มีการบัญญัติเพิ่มเติมตามมาตรา 10 (ร่างมาตรา 21)
6. เพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว (ร่างมาตรา 28)
7. กำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การทำงานของคนต่างด้าว ประกอบด้วยปลัดกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานกรรมการและกรรมการอื่นอีก 8 คน โดยมีผู้แทนกรมการจัดหางานเป็นกรรมการและเลขานุการ (ร่างมาตรา 34)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 พฤษภาคม 2550--จบ--